วันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2555

 เทศกาลตรุษจีน
 ตรุษจีน   หรือ ชุงโจ้ย (   ) คือวันที่ปราชญ์ชาวจีนแต่โบราณกำหนดให้ เป็นวันเริ่มต้นในรอบปี   ตามปฏิทินจันทรคติของจีน    นอกจากเป็นวันเริ่มต้นของปีแล้ว  ยังเป็นวันเปลี่ยนจากฤดู   ตังที ตง ที(   )  อันหนาวเหน็บ  เข้าสู่ ฤดู ชุงที ( )  ที่มีแต่ความสุขสดชื่น  อบอุ่นมีชีวิตชีวา   สรรพสัตว์ตื่นจากจำศีล   ผลประกอบการทางการค้าที่มีกำไรส่งให้มีการจ่ายเงินรางวัลแก่ลูกจ้าง  และคนในครอบครัว   วันตรุษจีน  จึงเป็นวันแห่งความสุขเกษมเปรมปรีดิ์ในรอบปี   มีการฉลองอย่างสนุกสนาน  ใหญ่โต  มีสีสัน  อย่างที่ทราบกัน  คนจีนเป็นผู้ที่ขยันขันแข็ง    ทำงานเช้ายันค่ำทุกวันแทบไม่มีวันหยุด  ปีละกว่า 300 วัน    จะมีวันหยุดที่เป็นล่ำเป็นสันก็ช่วงตรุษจีนประมาณ  5  วันเท่านั้น   เขาจึงใช้เวลาเหล่านั้นไปบำรุงบำเรอความ สุขตนอย่างเต็มที่   จับจ่ายใช้สอย  เช่นซื้อเสื้อผ้า   อาหารอย่างดี  เที่ยวเตร่ เป็นต้น
 

       วันตรุษจีน  มีมาแล้วประมาณ  3,600  ปี   หลักฐานทางประวัติศาสตร์  ปฏิทินจีนนั้นกำเนิดขึ้นเมื่อ  980  ปีก่อนพุทธกาล    สันนิฐานว่า  ตรุษจีนก็คงเริ่มมาในเวลาไล่เรี่ยกัน     ช่วงของเทศกาลตรุษจีน   ต่อเนื่องมา  ตั้งแต่วันสุดท้ายของเดือน  12  ของปฎิทินจีน ( แต่ไม่เสมอไปอาจเป็นวันอื่น   แต่ละปีจะไม่ตรงกัน   และเหตุที่ใช้คำว่า  ”วันสุดท้าย”  เพราะเดือน  ของจีนมีทั้ง  29 วัน  หรือ 30 วัน ไม่กำหนดแน่นอน ) 
                        แต่พอผ่าน วันที่ 21  หรือ  22  ธันวาคม  (ตรงนี้ต้องใช้เดือนของเทศประกอบ)    เป็นวัน  ตังโจ้ย (    )   หรือเทศกาลกิน อี๊(   ) ขนมบัวลอย   ผู้ที่ผ่านวันนี้ไปแล้วพึงจำไว้   ท่านมีอายุเพิ่มขึ้นอีก  1  ขวบ  อี๊  ส่วนหนึ่งจะเอาไปติดไว้ตามตู้กับข้าว  ผนัง   ตามข้างเตาไฟ  จุดอื่นในห้องครัวบ้าง   ในช่วงนี้จนถึงสิ้นปี  จะมีงิ้วแก้บน ที่เรียกว่า งิ้ว  เสี่ยซิ้ง (   ) กันแทบทุกศาลเจ้า ศาลพระภูมิ  หรือ โรงเจ  เยอะมากความจริงบางแห่งอาจมีมาก่อนหน้านี้แล้ว
 
 
                        เหตุที่ต้องใช้เดือนของเทศประกอบเนื่องจากการคำนวณวัน  ตังโจ๊ย  ถือเอาวันที่เวลากลางวันสั้นที่สุดของปี   ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นฤดูหนาวของประเทศจีน  หรือประเทศซีกโลกทางเหนือ   วันที่ที่กำหนดว่าเป็นวันตังโจ๊ย     ให้ดูจากปี ค.ศ.  ปีที่หารด้วย  4 ลงตัวหรือปีที่เดือน กุมภาพันธ์มี  29 วัน    ตังโจ๊ย  จะเป็นวันที่  21 ธันวาคม
                        จากนั้นก็จะถึงวันที่  24  ของเดือน 12  เป็นวัน ซิ๊งเจี่ยที   ( )  ไหว้ส่ง เจ้าเตาไฟ  เจ่าซิ้ง (   ) ขึ้นไปเฝ้าองค์เง็กเซียนฮ่องเต้   บนสวรรค์   เพื่อรับเลี้ยงตรุษจีน และ เพ็ดทูลความเป็นไปของโลกมนุษย์   ความดีความชั่วของชาวบ้านต่าง ๆ  เง็กเซียนฮ่องเต้ก็รู้กันตอนนี้  จะได้นำไปคิดบัญชีต่อไป     คนจีนเลยไหว้เจ้าในวันนี้ด้วย  ขนมหวาน    หรือ  ขนมบัวลอย ที่ทำจากแป้งข้าวเหนียว  โรยน้ำตาล  แผ่นบาง ที่หวาน และ เหนียว  เป็นการทำให้เทพเตาไฟ เพ็ดทูลเรื่องความไม่ดีในโลกมนุษย์ได้ไม่ถนัดปาก   เพราะขนมติดปาก  หรือ  รับสินบนชาวบ้านมา แล้วโดยไม่รู้ตัว   มิใช่มีแค่เจ้าเตาไฟเท่านั้นที่ขึ้นไปเฝ้า   เทพที่มีฐานะต่างก็ต้องขึ้นไปเฝ้าแหนเช่นกัน  เช่น เจ้าที่   ตี่จู๋เอี๊ย  เป็นต้น              
                        หลังจากวันส่งเจ้าแล้ว   ชาวบ้านจะพากันทำความสะอาดบ้านเรือน  ห้องหอ  เป็นการขนานใหญ่   เตรียมไว้รับสิ่งดี ๆ ใหม่     ในวันตรุษจีนกัน  บ้างก็จะทาสีบ้าน   ติดกระดาษสีแดงมีตัวอักษรจีนสีทอง  ติดประตูทางเข้าบ้านข้างละแผ่น  เรียกว่ากระดาษ  กลอนคู่   ตุ้ยเลี้ยง ( )หรือ คำอวยพรง่าย ๆ   เช่น  ซิงเจียยู่อี่   ซิงนี้ฮวกไช้    ศกใหม่ให้สมดังหวัง  ปีใหม่ให้มั่งคั่งร่ำรวย  หรือ กลอนอื่น    ที่เป็นศิริมงคล   ช่างเขียนอักษรจีนจะมีรายได้เป็นกอบเป็นกำในช่วงนี้     เมื่อ  4 50  ปีก่อน  มีผู้ประดิษฐ์อักษรจากลวดลายต่าง เช่นนก  ผีเสื้อ ต้นไม้ ใบไม้ และ เดินไปเขียนให้ตามบ้านเรือนทั้งใน  กทม.  และ ต่างจังหวัด
 
                         ไคลแม็กซ์จริง ๆ    เทศกาลตรุษจีน   เริ่มตั้งแต่ก่อนวันตรุษจีน   2  วัน   เรียกว่า  วันจ่าย  เป็นวันที่แม่บ้านพ่อบ้านต้องไปจับจ่ายหาซื้อเครื่องเซ่นไหว้   อาหารการกินเตรียมไว้ช่วงตรุษจีนที่ร้านรวงปิดกันเป็นส่วนใหญ่     พอถึงวันสุดท้ายของเดือน 12    ซึ่งนิยมเรียกว่า  ซาจับ ( )  แม้บางปีจะเป็นวันที่  29 จะเป็น วันไหว้    เริ่มกันตั้งแต่ช่วงเช้า จะเป็นการไหว้เจ้าที่  ( ตี่จู๋เอี๊ย ) ศาลพระภูมิ  ไหว้บรรพบุรุษตอนสาย     ตกบ่ายไหว้ หอเฮียตี๋   ( )   ผี วิญญาณไร้ญาติ  สัมภเวสี ที่ล่องลอยไปมาคอยรับส่วนบุญ  ซึ่งเป็นการ สะท้อนถึงจิตวิญญาณของชาวจีนที่มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แม้กับวิญญาณคนตายที่ตนไม่รู้จัก จากนั้น ก็จะมีการแจกเงินก้นถุง  แก่บรรดาลูกหลาน บริวาร    ใส่ซองแดงเรียกว่า อั่งเปา   ( )(เงินแต๊ะเอีย  เงินโบนัส  แล้วแต่จะเรียก ) แล้วกิจการงาน การค้าจะสะดุดอยู่ตรงนั้นไปอีกหลายวัน  เงินอั่งเปานี้สมัยก่อน  เด็ก ๆ จะได้สตางค์แดง  หรือ สตางค์ดีบุก  ตั้งแต่ 1 สตางค์ ไปจนถึง 20  สตางค์  ที่เป็นเหรียญมีรูตรงกลาง  ร้อยด้าย - เชือกสีแดง ปัจจุบันเป็นแบ๊งค์สีต่าง ๆ ใส่อยู่ในซองสีแดงสดใส
                          ซาจับแม้  (       ) คืนวันสุกดิบ   คืนวันสุดท้ายของเดือน 12  ต่อวันตรุษจีน ชิวอิก ( )ซึ่งเป็น วันถือ หัวค่ำชาวจีนจะพากันอาบน้ำชำระร่างกาย  ไหว้พระไหว้เจ้า    เตรียมตัวรอรับ ไฉ่สิ่งเอี๊ย (       ) เทพเจ้าแห่งความร่ำรวย  หรือ  เทพเจ้าแห่งโชคลาภ เทพเจ้าแห่งเงินตรา  เพื่อความเป็นศิริมงคล   มีความร่ำรวยยิ่ง    ขึ้นไปในปีใหม่
 

           “ไฉ่สิ่งเอี๊ย  เทพเจ้าแห่งโชคลาภ  โชคดี  หรือ เทพเจ้าเงินตราจะเสด็จมาให้โชคลาภแก่มวลมนุษย์ในช่วงยามแรก  ๆ ของปี  ระหว่าง 5 ทุ่มถึง  ตี 4  แต่จะมีทิศทาง  และ เวลาที่เสด็จมาต่างกัน   อย่างปี  2553 จะเสด็จมาในวันเสาร์ที่  13  กุมภาพันธ์  ทางทิศตะวันออกเฉียงไต้ เริ่มไว้ตั้งแต่เวลา 23.00  สิ้นสุดไม่เกิน 24.59 น.ผู้ที่จะไหว้ต้องนำเครื่องเซ่นไหว้  ซึ่งเป็นผลไม้  ขนมต่าง ๆ   เช่น ไต่กิก (ส้ม)  อี้ (บัวลอย)   ขนมจันอับ   อาหารเจ  5  อย่าง  น้ำชา  ธูป  ทองเท่ง  เงินเท่ง  เทียนเถ่าจี๊  หันหน้าไปหาทิศที่ท่านจะเสด็จ ผ่านมา เพื่อขอพรจาก ไฉ่สิ่งเอี๊ย     ท่านเป็นเทพเจ้าที่มีเมตตาให้ทั้งโชคลาภ   และ  ปกป้องโพยภัยต่าง ๆ   
                          ชิวอิก    เป็น วันถือ หรือ  วันเที่ยว เป็นวันที่เขาถือกันว่าจะไม่ด่า  ไม่พูดคำหยาบคาย  ไม่นินทาว่าร้าย คิด ห้ามทวงหนี้ ให้ทำแต่สิ่งที่ดี  พุดดี  ใช้มธุรสวาจา  พูดสิ่งร้ายให้กลายเป็นดี    ไม่ตีแม้แต่ลูก หลานที่ทำความผิด เวลาลูกหลานทำสิ่งของแตก  ก็อาจจะพูดว่า  อ้อ...ดีดี  ชามมันอ้าออกเพื่อรับโชคลาภ  เป็นต้น     อาหารเช้าจะเป็นอาหารเจ1มื้อ หลังจากนั้น หมู เห็ด เป็ด ไก่บรรดามีที่ใช้ไหว้เจ้า  ไหว้บรรพบุรุษก็จะนำมาปรุงเป็นอาหารรับประทานต่อไปอีกหลายวันโดยไม่ต้องออก ไปซื้อหา  วันชิวอิก  ถึง  ชิวซา  ( ) หรือ ในระหว่างช่วงตรุษจีน   ก็จะมีการไปมาหาสู่ในระ หว่างญาติมิตร  ที่ไม่ได้พบกันมาตลอดทั้งปี  หรือ ไปขอพรพ่อแม่  เป็นต้น    เวลาไปเยี่ยมต้องนำ  ไต่กิก ( )  ผลส้มไป  2 หรือ  4  ลูก หรือ ขอให้เป็นจำนวน คู่ และจะมีการแลกเปลี่ยนส้มกัน โดยผู้ที่เป็นเจ้าของบ้านจะรับส้มไปครึ่งหนึ่ง  หรือ  ทั้งหมด และนำส้มในบ้านมาใส่กลับไปในจำนวนเท่า ๆ กัน    เป็นการรับ-ส่งความสุขซึ่งกันและกัน    เจ้าของบ้านจะเลี้ยงน้ำชาแกล้ม แต่เหลี่ยว หรือ ขนมจันอับ หรือ จับกิ้ม ( ) แก่ญาติมิตรที่มาเยี่ยมเยียนอวยพร  วันตรุษจีนเป็นช่วงที่เด็ก ๆ จะชอบมากเป็นพิเศษ   เนื่องจากได้ทั้งเงินแตะเอีย   มีเครื่องแต่งกายใหม่  ๆ สีสันสดใส    ยังได้ไปเที่ยวสนุกสนานตามแหล่งที่หมายตาไว้อีกด้วย    สีเสื้อผ้าที่สวมใส่จะเป็นสีที่เป็นมงคลเช่น สีแดง   และไม่ใส่สีที่เป็นอัปมงคล เช่น สีดำเป็นต้น   หากหลีกเลี่ยงได้จะไม่แตะต้องของมีคม  เช่นมีด  เข็ม  เกรงว่าจะบาดนิ้ว  บาดตัว เป็นการตัดโชคลาภของตนเอง และไม่ทำสิ่งของแตกหักเสียหายอันจะเป็นลางไม่ดี
                        หลังเยี่ยมญาติ ความสนุกสนานก็จะเป็นสิ่งที่เขาทำกันเต็มสติกำลัง   บ้างก็ไปทำบุญทำทานตามศาลเจ้า  โรงเจที่ตนนับถือ  พากันถ่ายรูปกันทั้งครอบครัวเป็นที่ระลึก   จนถึงชิวสี่ ( )หรือ  ชิวโหงว ( ) จึงจะกลับมาก้มหน้าก้มตาทำงานทำการกันต่ออีก 300 กว่าวันเพื่อเก็บเงินเก็บทองไว้ฉลองตรุณจีนในปีต่อไป
                   ชิวสี่ วันที่สี่ของเทศกาลตรุษจีน  ที่ส่วนใหญ่กำหนดให้เป็นวันเริ่มงาน   เป็นวันที่ รับ เจ่าซิ้ง    เทพเจ้าเตาไฟ  และ เทพเจ้าองค์อื่น ๆ กลับจากเข้าเฝ้าองค์เง็กเซียนฮ่องเต้  เรียกว่าวัน ซิ้งเลาะที (   )
                         ชิวฉิก ( )  วันที่  7  ของเทศกาลตรุษจีน     เป็นวันที่กำหนดให้มีการรับประทานอาหารประเภทผัก  7  อย่าง  ที่เรียกว่า  ชิกเอี่ยไฉ่  (    )  ซึ่งโดยมากจะเอาผักต่าง    มาผัด  หรือ  ต้มจับไฉ่  ผักนานาชนิดที่นำมาเป็นเครื่องปรุงในวันนี้จะสรรค์หาผักที่มีชื่อ และความหมายที่เป็นมงคล  อาจจะเปลี่ยนแปรไปบ้างแล้วแต่รสนิยม  และ ความเชื่อ  หรือ  ผลิตผลในแต่ละท้องถิ่น บ้างก็ถือเอาวันที่ 6  เรียก หลักเอี่ยไฉ่ แต่ในเมืองไทย ต้องฉิกเอี่ยไฉ่ 
              ผักมงคล  7  อย่าง  โดยมากจะประกอบด้วย                                                                                                 
              1.   คึ่งไฉ่        ไปพ้องเสียงกับ คึ้ง   ( )  แปลว่ามีความเพียร  วิริยะ   ขยัน
             
2.  ชุงไฉ่  
      พ้องกับคำว่า ชุง (  )  ฤดูใบไม้ผลิ   หมายถึงความสดชื่นมี ชีวิตชีวา   อีกคำหนึ่ง     ชุง  แปลว่า  ยืด  หรือ ยื่นที่ถูกดึงไปเข้ากับความหมายว่า มีโอกาศยืดหน้า ยืดตากับเขาได้บ้าง
             
3.  เก่าฮะ  เก๋าฮะ    
  ผักเขียว    ใบหนา ๆ   ความหมายคือ  ความซื่อสัตย์  ความน่าเชื่อถือ  เจ้าสาวที่แต่งงานไปในครอบครัวคนจีนที่ยังเคร่งอยู่ก็จะได้รับประทานผักตัว  นี้ เพื่อให้ซื่อสัตย์ต่อสามี   ส่วนคนไทยเชื้อสายจีน  ดึงมาเป็นพวกเสียเลย เก๋าจึงเป็นศัพย์แสลง  แปลว่า แน่  แปลว่า   ผู้ชำนาญการ  เช่น  เกียรติศักดิ์   เสนาเมือง  เป็นศูนย์หน้าที่ เก๋าเกมส์   เป็นต้น    แต่บางครั้งผัก  เก๋าฮะ  นี้   เขาก็ใช้   แป๊ะฮะ  百合    แทนก็มี ซึ่งก็แปลว่าเป็นผู้ที่เข้าได้กับทุกคน   เข้าได้  กับทุกสถานะการณ์พ้องเสียงกับคำว่าสมานฉันท์  เข้าได้หมดไร้ปัญหา  NO  PROBLEM
            
4.  สึ่ง   
    ต้นกระเทียม  พ้องเสียงกับคำว่า  สึ่ง   ( ) แปลว่า นับ คนจีนถือว่า คนนับเลขเป็นก็จะเป็นพ่อค้าพ่อขายจะร่ำรวย
             5.  ตั้วไฉ่ 
     ผักกาดเขียว มีความหมายว่าใหญ่โต  ยิ่งใหญ่
             6.  ไช่เท้า  
      เป็น  อาเท้า   เป็นหัวหน้า  คือได้เป็น เจ้าคนนายคน หรือไปพ้องกับ  ไช้ ( ) แปลว่า   โชคลาภ  มีลาภ            
            
7.  คะน้า          หมายถึงที่หนึ่งในตะกร้า  คำว่า กะ(   )เมื่อไปผสมกับ คำว่าประเทศ หรือ โลก ก็แปลว่ายอดเยี่ยม เป็นที่หนึ่งในโลก จึงไม่น่าสงสัยว่าทำไมต้องเป็นผักตัวนี้
  
 
            ชื่อผักชนิดต่าง ๆ  ข้างต้น  ต้องบอกไว้ในที่นี้ว่า  เป็นเรื่องของคนไทยเชื้อสายจีนที่มีอิทธิพลของความเชื่อของจีนแ ต้จิ๋ว เข้ามาเกี่ยวข้องค่อนข้างมาก   เพราะบางชื่อหากผิดไปจากเมืองไทยแล้ว   ชาวจีนอื่นเขาอาจมีผักตัวอื่น มาแทนกัน

การกำหนดให้รับประทานผัก  7  อย่าง    น่าจะเป็นกุศโลบายของนักปราชญ์แต่โบร่ำโบราณ   การที่จะบอกให้คนที่รับประทานหมูเห็ดเป็ดไก่  ร่ำสุรา มาตลอดเป็นเวลาหลายวัน  ไปถ่ายท้องเสียบ้าง  คงมีคนเชื่อยาก    เลยหากลวิธีให้กินผักซึ่งมีกากใย มากจะได้มีสุขภาพดี   เลยให้กำหนดเป็นอาหารผัก  แต่แนะนำอย่างเดียวคงยากเลยลากบาลีเข้าวัดเสียเลยจะได้ขลัง  ให้ออก ไปทางมงคลเสียบ้าง   คนเราชอบอะไร  ๆ ที่เป็นสิ่งดี  ๆ จึงถือเป็นประเพณีที่ต้องกินผัก7  อย่างที่เป็นศิริมงคล กันมาตั้งแต่โบราณ
             ช่วงปีใหม่จะมีวันสำคัญอีก 1 วันคือ  ชิวเก้า ( )   ถือเป็นวันเกิดเทพยดาฟ้าดิน เรียกว่าวัน ทีกงแซ ( )  ในคืนวันที่  8  เรียกว่า ชิวโป๊ยแม้  ( )  ช่วงเวลา
 
 
 
       ใกล้เที่ยงคืนต่อวันที่  9    มีพิธีบูชาดาวนพเคราะห์   หรือ  ดาวประจำวันเกิด     ในวันนี้บางแห่งจะมีการบูชาเทพยดาฟ้าดิน   เพื่ออธิษฐาน  หรือ บน   ขอพรสะเดาะเคราะห์ในช่วงปีใหม่   ดังเช่น ที่ป่อเต็กตึ๊งจัดให้มีการลงชื่อ พะเก่ง (拍敬)หรือ ฮกเก่ง( ) ในช่วงตรุษจีน จน ถึงวันง่วงเซียว  ( แล้วจะต้องไป แก้บน ในช่วงปลายปีประมาณเดือน  11  ที่ศาลเจ้าหลายแห่งจะจัดให้มีงิ้วแก้บน ที่เรียกกันว่า  เสี่ยซิ๊ง เรียกว่า ขอบคุณพระเจ้า อย่างที่กล่าวไว้ในตอนแรก )พุทธศาสนิกชนจะทำบุญ  และ เวียนเทียน เวียนธูป อธิษฐาน รอบอุโบสถ หรือ ศาลเจ้า  3  รอบ  ตั้งจิตอธิษฐาน  ระลึกพระคุณเทพยดาฟ้าดิน   ขออำนาจฟ้าดินเป็นที่พึ่ง ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนนับถือ  เช่น หลวงปู่ไต้ฮง  ช่วยดลบันดาลให้ประสบโชคดีตลอดปีใหม่     บางแห่งอาจมีการแจกของหวาน    เป็นการเสร็จพิธี    ใครที่ไปเที่ยวไกล    ก็จะพากันกลับมาในวันนี้    วันชิวเก้า  หรือ วันสุดท้ายของเทศกาลตรุษจีน  ก็จะมีการทำบุญที่เป็นกิจกรรมของตรุษจีนไปจนถึงมืดค่ำ
 
 
 
 
            อย่างไรก็ตาม   งานเทศกาลตรุษจีนหาได้หยุดลงในวันที่ 9 ไม่      กิจกรรมทำบุญยังคงมีต่อเนื่อง  แต่ไม่เอิกเกริก   ตรุษจีนจะไปสิ้นสุดลงอย่างแท้จริงในวันเทศกาล  ง่วงเซียว   (   )   หรือ   เทศกาลชาวนา    (พิธีต่าง    ที่จัดขึ้นนั้นสะท้อนให้เห็นว่าเป็นพิธีของคนสังคมการเกษตรอย่างแท้จริง     โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปฏิทินตามจันทรคติจีนนั้นมีชื่อเรียกว่า หล่งและ        แปลตรงตัวว่า  ปฏิทินการเกษตร )    เป็นวันที่ 15  ของเดือน 1   คือ เจียง้วยจับโหงว ( 十五 )   แล้ว   เพราะหลังจากนี้แล้ว      ก็จะเป็นเวลาที่ต้องกลับไปทำนาในท้องไร่ท้องนา ศาล เจ้าต่าง ๆ  จะมีการประมูลสิ่งของที่ ประธานจัดงานจัดหามา     เพื่อนำเงินไปบูรณะศาลเจ้า  หรือ นำไปทำทานต่อไป    บางแห่ง ไม่มีการประมูลสิ่งของเช่นที่ศาลเจ้าไต้ฮงกง     ก็จะมีขนมหวาน  น้ำตาลทราย หรือน้ำตาลผสมถั่วลิสงปั้นเป็นรูปสิงโต สำหรับบูชาไว้บริการให้กับญาติโยมที่มาทำบุญ  บ้างก็เอามาทำบุญเพิ่มขึ้นอีก 1 คู่จากที่ปีที่ผ่านมาได้รับขนมสิงโตไปบูชาที่บ้าน  1  คู่  เพื่อให้ศาลเจ้าไว้บริการให้ผู้ที่ประสงค์จะมาทำบุญ   เป็นการหารายได้เข้าวัด เข้าศาลเจ้าอีกวิธีหนึ่ง    ซึ่งแล้วแต่นโยบายของแต่ละแห่ง     หลังจากวัน ง่วนเซียว   ผู้คนที่ทำมาค้าขาย  เป็นลูกจ้างก็จะเริ่มดำเนินกิจการค้ากันอย่างเต็มที่    เพราะเสร็จสิ้นกระบวนการของ ตรุษจีน  แล้วโดยสมบูรณ์   บางแห่งจะมีงิ้วฉลองขึ้นปีใหม่   จึงจะถือว่าสมบูรณ์ก็มี   
 
ซิงเจียยู่อี่       ซิงนี้ฮวกไช้            -     
ปีใหม่ขอให้สมความปรารถนา     ปีใหม่ขอให้มีโชคลาภ

วันกองทัพไทย 18 มกราคม.2555


         วันกองทัพไทย

 
ภาพ:Nare_1.jpg

         วันกองทัพไทย เป็นวันที่ระลึก ในวาระที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกระทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชาของพม่า โดยถือเอาวันที่ 18 มกราคม ของทุกปีเป็นวันกองทัพไทย ตามการคำนวณจากเหตุการณ์ในประวัติศาสตร์ ที่ระบุว่า พระองค์กระทำยุทธหัตถี ในวันจันทร์ แรม 2 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง จ.ศ. 954 คำนวณได้ ตรงกับวันที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2135 (บางตำราว่า ปี พ.ศ. 2136)

สารบัญ

[ซ่อนสารบัญ]

[แก้ไข] ความเป็นมาของวันกองทัพไทย

ภาพ:Nare_5.jpg

         ในปีพุทธศักราช 2502 กระทรวงกลาโหมได้กำหนดให้วันที่ 8 เมษายน ซึ่งเป็นคล้ายวันสถาปนากระทรวงกลาโหม เป็นวันกองทัพไทย ครั้นต่อมาเมื่อ พ.ศ.2522 สมัยที่ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เห็นว่าวันกองทัพไทยควรเป็นวันที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ที่แสดงถึงความกล้าหาญและเสียสละ จึงได้กำหนดเอาวันที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกระทำยุทธหัตถีได้รับชัยชนะเหนือพระมหาอุปราชา เป็นวันกองทัพไทย ซึ่งตรงกับวันที่ 25 มกราคม ของทุกปี
         วันที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงกระทำยุทธหัตถี กับพระมหาอุปราชาแม่ทัพพม่า ซึ่งตรงกับวันเดือนปีของจันทรคติ คือวันจันทร์ แรม 2 ค่ำ เดือนยี่ ปีมะโรง ทั้งนี้ได้มีผู้คำนวณไว้ว่าตรงกับวันที่ 25 มกราคม พ.ศ.2136
         คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2523 กำหนดให้วันที่ 25 มกราคม ของทุกปี เป็นวันกองทัพไทย และอนุมัติให้เป็นวันหยุดราชการของกระทรวงกลาโหม โดยเริ่มใช้ตั้งแต่ปี พ.ศ.2524 เป็นต้นมา
         พลตำรวจตรี สุชาติ เผือกสกนธ์ ซึ่งอดีตท่านเคยดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมไปรษณีย์โทรเลขและคณะกรรมการที่ปรึกษาอีกหลายหน่วยงาน ได้ทำการศึกษาเรื่องนี้อย่างจริงจังในขณะที่ท่านดำรงตำแหน่งเลขาธิการมูลนิธิพระดาบส ได้พบความคลาดเคลื่อนของวันที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกระทำยุทธหัตถี และวันที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงปราบดาภิเษก จึงได้มีหนังสือพร้อมข้อมูลของวันกองทัพไทย เสนอไปสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี กราบเรียนนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2539 เพื่อขอให้พิจารณาแก้ไข วันสำคัญทางประวัติศาสตร์ ของชาติไทยที่คลาดเคลื่อนให้ถูกต้อง ซึ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับวันสำคัญทางประวัติศาสตร์ไทย 2 เรื่องคือ
         1. วันที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกระทำยุทธหัตถี กับพระมหาอุปราชา หรือ “วันกองทัพไทย” ซึ่งปัจจุบันกำหนดไว้ คือวันที่ 25 มกราคม ที่ถูกต้องคือ วันที่ 18 มกราคม
         2. วันที่สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ทรงปราบดาภิเษกขึ้นเป็นพระมหากษัตราธิราชของไทย ซึ่งปัจจุบันกำหนดไว้คือ วันที่ 28 ธันวาคม ที่ถูกต้องคือ วันที่ 27 ธันวาคม
         - สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้ส่งเรื่องมอบให้คณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทย ซึ่งมี หม่อมเจ้าสุภัทรดิศดิศกุล เป็นประธานกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทย พิจารณาเรื่องดังกล่าว โดยมีผลการพิจารณาดังนี้
          “….คณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทย ได้พิจารณาเรื่องดังกล่าวแล้วมีความเห็นว่า
         1. วันที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกระทำยุทธหัตถี กับพระมหาอุปราชา หรือวัน “กองทัพไทย” ได้เคยมีการคำนวณไว้ เมื่อประมาณ 40 ปีมาแล้ว โดยหม่อมหลวงปิ่น มาลากุล ว่าตรงกับวันที่ 18 มกราคม และ ศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ ณ นคร รองประธานกรรมการ ในคณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทย ได้คำนวณ และเขียนบทความไว้ว่าตรงกับวันที่ 18 มกราคม เช่นกัน
         2. สาเหตุที่ได้กำหนดให้วันที่ 25 มกราคม เป็นวันที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรง กระทำยุทธหัตถีฯนั้น ศาสตราจารย์ ดร.ประเสริฐ ณนคร รองประธานกรรมการ ให้ข้อสันนิษฐานว่า ผู้คำนวณสำคัญผิดว่า วันเถลิงศกตรงกับวันที่ 15 หรือ16เมษายนมาตลอด แต่แท้จริงวันเถลิงศก เพิ่งมาตรงกับวันที่ 15 เมษายน เมื่อ พ.ศ.2443 และเริ่มตรงกับวันที่ 15 เมษายนบ้าง วันที่ 16 เมษายนบ้าง มาตั้งแต่ พ.ศ.2474 ซึ่งในปีที่กระทำยุทธหัตถี วันเถลิงศก ตรงกับวันศุกร์ที่ 9 เมษายน แต่ผู้คำนวณคิดว่า วันเถลิงศกปีนั้น ตรงกับวันศุกร์ที่ 16 เมษายน จึงคำนวณวันผิดไป 7 วัน
         3. การที่จะให้มีการเปลี่ยนแปลง วันที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกระทำยุทธหัตถี กับพระมหาอุปราชา หรือวัน “กองทัพไทย” ซึ่งได้กำหนดไว้ว่า เป็นวันที่ 25 มกราคม มาเป็นวันที่ 18 มกราคม นั้น เป็นเรื่องของส่วนราชการ ที่เกี่ยวข้อง จะต้องพิจารณาเอง เพียงแต่มีหนังสือแจ้งให้ทราบว่า วันที่ถูกต้องตามการคำนวณ คือวันที่ 18 มกราคม ก็คงจะเพียงพอแล้ว….”

ภาพ:Nare_3.jpg

         - สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้มีหนังสือแจ้งผลการพิจารณาของคณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทย ให้ทราบดังนี้
          “….ตามที่ท่านได้มีหนังสือกราบเรียนนายกรัฐมนตรี เพื่อขอให้พิจารณาแก้ไขวันสำคัญ ทางประวัติศาสตร์ของชาติไทย ที่คลาดเคลื่อนให้ถูกต้อง คือ
         1. วันที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงกระทำยุทธหัตถีกับพระมหาอุปราชา หรือวัน “กองทัพไทย” ซึ่งปัจจุบัน กำหนดให้ตรงกับวันที่ 25 มกราคม ที่ถูกต้องคือ วันที่ 18 มกราคม….. สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ได้มอบให้ คณะกรรมการชำระประวัติศาสตร์ไทย พิจารณาเรื่องดังกล่าว และกราบเรียนนายกรัฐมนตรีพิจารณาแล้ว มีบัญชาให้แจ้งผลการพิจารณา ของคณะกรรมการฯ ให้ท่านทราบ….”
         - หนังสือสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ที่อ้างถึงนี้ได้แจ้งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมทราบด้วย แต่ไม่ทราบผลการพิจารณาของผู้ที่เกี่ยวข้องของกระทรวงกลาโหม
         - เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม พ.ศ.2540 พลตำรวจตรี สุชาติ เผือกสกนธ์ ได้มีหนังสือเสนอกองบัญชาการทหารสูงสุด ขอให้เปลี่ยนแปลงวันกองทัพไทย โดยท่านให้ข้อคิดเห็นว่า ท่านได้ศึกษาจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ โดยใช้หลักวิชาโหราศาสตร์ดวงดาว ทั้งฮินดู และตะวันตกมาคำนวณ เพื่อตรวจสอบความถูกต้อง ของวันดังกล่าวว่าถูกต้องหรือไม่?
         - จากเอกสารที่เสนอกองบัญชาการทหารสูงสุด กรมยุทธศึกษาทหาร ได้นำเสนอในที่ประชุมกรมเสนาธิการร่วม กองบัญชาการทหารสูงสุด มีรายละเอียดดังนี้
         ตามที่ พล.ต.ต.สุชาติ เผือกสกนธ์ นายตำรวจนอกราชการ ได้มีหนังสือนำเรียน ผบ.ทหารสูงสุด เสนอให้พิจารณาเปลี่ยนวันกองทัพไทย จาก 25 ม.ค. เป็น 18 ม.ค. ซึ่งเป็นวันที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงกระทำยุทธหัตถีชนะสมเด็จพระมหาอุปราชา ยศ.ทหาร มีข้อพิจารณาดังนี้
         1. การประชุมสภากลาโหม ครั้งที่ 12/22 เมื่อ 22 ธ.ค.22 ได้มีมติ กำหนดให้วันที่ 25 ม.ค. ซึ่งเป็นวันที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงกระทำยุทธหัตถี ชนะสมเด็จพระมหาอุปราชา เป็นวันกองทัพไทย ซึ่ง ครม.ได้ลงมติเห็นชอบและอนุมัติ และเมื่อ 28 มิ.ย.27 ที่ประชุมสภากลาโหม ได้มีมติยืนยันว่าวันที่ 25 ม.ค. ถือเป็นวันกองทัพไทย ซึ่งเป็นที่ยอมรับของทางราชการแล้ว และหากมีการเปลี่ยนแปลง วันที่กระทำยุทธหัตถี รัฐบาลต้องประกาศเปลี่ยนแปลง
         2. สำนักนายกรัฐมนตรีได้ยืนยัน และแจ้งให้ กห.ทราบ เมื่อ 21 ส.ค.41 ว่าวันที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทรงกระทำยุทธหัตถี ที่ถูกต้องคือ วันที่ 18 ม.ค. ประธานให้ใช้วันที่ 25 ม.ค. เป็นวันกองทัพไทยตามเดิม จนกว่าทางรัฐบาล จะมีหนังสือแจ้งว่าวันใด เป็นวันกระทำยุทธหัตถี ของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชที่แน่นอน บก.ทหารสูงสุด จึงจะดำเนินการต่อไป
ต่อมาคณะรัฐมนตรีได้มติเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2548 กำหนดให้วันที่ 18 มกราคมของทุกปี เป็นวันยุทธหัตถีและวันรัฐพิธีแทนวันที่ 25 มกราคม ดังนั้น เพื่อให้การกำหนดวันกองทัพไทยสอดคล้องกับเหตุผลที่ยึดถืออยู่เดิม
         คณะรัฐมนตรีมีมติเมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2549 เห็นชอบตามที่กระทรวงกลาโหมเสนอ ให้เปลี่ยนแปลงกำหนดวันกองทัพไทยจากวันที่ 25 มกราคม ของทุกปีเป็นวันที่ 18 มกราคม ของทุกปี และอนุมัติให้เป็นวันหยุดราชการของกระทรวงกลาโหม

[แก้ไข] หลักฐานของการเริ่มให้มีการจัดตั้งกองทัพไทย

ภาพ:Nare_3.jpg

         ปรากฏหลักฐานที่ค้นพบจาก หลักศิลาจารึกในสมัยสุโขทัยว่า พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ได้รวบรวมไทย ตั้งราชอาณาจักร และถือว่าชายไทยทุกคนต้องเป็นทหาร มีหน้าที่ป้องกันประเทศ โดยแบ่งเป็นพลเดินเท้า หน่วยเคลื่อนที่เร็ว ได้แก่ ทหารม้า และหน่วยกำลังรบโจมตี เพื่อหวังชนะเด็ดขาด ได้แก่ทหารช้าง ต่อมาในสมัย กรุงศรีอยุธยา ได้มีการแบ่งกิจการทหาร และพลเรือนแยกออกจากกัน มีการกำหนดให้ชายไทย ทุกคน ต้องเขารับราชการทหาร และแบ่งออกเป็น 4 เหล่า เรียกว่าจตุรงคเสนา ได้แก เดินเท้า ม้า รถ และช้าง ต่อมาในสมัยปัจจุบัน กองทัพไทย ได้มีการปรับปรุง และเปลี่ยนแปลง ทั้งในด้านการจัด การฝึก การศึกษา การยุทธ และด้านอื่นๆอีกมาก เพื่อให้ทัดเทียมอารยประเทศ มีการจัดตั้ง กองบัญชาการทหารสูงสุด เพื่อเป็น หน่วย บังคับบัญชาของ 3 เหล่าทัพ อันได้แก่ กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ

[แก้ไข] ภารกิจและหน้าที่ของกองทัพไทย

ภาพ:Nare_4.jpg

         ภารกิจที่สำคัญของกองทัพไทย คือ การป้องกันราชอาณาจักรจากการรุกรานจากภายนอกประเทศ ที่มีการวางแผน และปรับปรุงกันเพื่อให้เหมาะสมกับสถานการณ์ต่างๆที่เปลี่ยนแปลงไป รวมไปถึงด้าน การพัฒนากำลังพล การพัฒนาอาวุธยุทโธปกรณ์ การรักษาความมั่นคงและความปลอดภัยภายในประเทศ และการพัฒนาประเทศ และการดำเนินการ สนองนโยบายของรัฐบาล การปฏิบัติงานตามแนวทางพระราชดำริ
         การกำหนดให้มีวันกองทัพไทยก็เพื่อ ดำรงความุ่งหมายที่จะรักษาไว้ซึ่งความหมาย อันสำคัญยิ่ง ให้ทหาร ทั้งสามเหล่าทัพ ระลึกถึงด้วยความภาคภูมิใจ เกิดความรัก ความสามัคคี หวงแหน ชาติ บ้านเมือง พร้อมที่จะเสียสละชีวิต เพื่อปกป้องรักษา ชาติ ศาสนา ผืนแผ่นดินไทย และพิทักษ์ ราชบัลลังก์ และเพื่อให้ ประชาชนทุกคนได้ระลึกถึง คุณงามความดี ของบรรพชนไทยในอดีต ที่ท่านผู้กล้าหาญเหล่านั้น ได้พลีชีพ เข้าปกป้อง ชาติไทย และประชาชนคนไทยทั้งชาติ ให้ยังความเป็น เอกราช มาได้ตราบเท่าปัจจุบันนี้

วันครูแห่งชาติ 16 มกราคม. 55

วันครูแห่งชาติ

                                   วันครูแห่งชาติ 

วันครู
 
 
     มีขึ้นครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2500 สืบเนื่องมาจากการประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษาเมื่อปี พ.ศ. 2488 ซึ่งระบุให้มีสภาในกระทรวงศึกษาธิการเรียกว่า คุรุสภาเป็นนิติบุคคลให้ครูทุกคนเป็นสมาชิกคุรุสภา โดยมีหน้าที่ในเรื่องของสถาบันวิชาชีพครูในขณะเดียวกันก็ทำหน้าที่ให้ความ เห็นเรื่องนโยบายการศึกษา และวิชาการศึกษาทั่วไปแก่กระทรวงศึกษา ควบคุมจรรยาและวินัยของครู รักษาผลประโยชน์ ส่งเสริมฐานะของครู จัดสวัสดิการให้ครูและครอบครัวได้รับความช่วยเหลือตามสมควร ส่งเสริมความรู้และความสามัคคีของครู
 
     ด้วยเหตุนี้ในทุก ๆ ปี คุรุสภาจะจัดให้มีการประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้แทนครูจากทั่วประเทศแถลงผลงานในรอบปีที่ผ่านมา และซักถามปัญหาข้อข้องใจต่าง ๆ เกี่ยวกับการดำเนินงานของคุรุสภาโดยมีคณะกรรมการอำนวยการคุรุสภาเป็นผู้ตอบ ข้อสงสัยสถานที่ในการประชุมสมัยนั้นใช้หอประชุมสามัคคยาจารย์ หอประชุมของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และในระยะหลังใช้หอประชุมคุรุสภา ปี พ.ศ. 2499 ในที่ประชุมสามัญคุรุสภาประจำปี จอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีและประธานกรรมการอำนวยการคุรุสภากิตติมศักดิ์ ได้กล่าวคำปราศรัยต่อที่ประชุมครูทั่วประเทศว่า
 
ครูคือผู้ให้แสงสว่าง 
 
     “ที่อยากเสนอในตอนนี้ก็คือ ว่า เนื่องจากผู้เป็นครูมีบุญคุณเป็นผู้ให้แสงสว่างในชีวิตของเราทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่าวันครูควรมีสักวันหนึ่งสำหรับให้บันดาลูกศิษย์ทั้งหลาย ได้แสดงความเคารพสักการะต่อบรรดาครูผู้มีพระคุณทั้งหลาย เพราะเหตุว่าสำหรับคนทั่วไปถ้าถึงวันตรุษ วันสงกรานต์ เราก็นำเอาอัฐิของผู้มีพระคุณบังเกิดเกล้ามาทำบุญ ทำทาน คนที่สองรองลงไปก็คือครูผู้เสียสละทั้งหลาย ข้าพเจ้าคิดว่าในโอกาสนี้จะขอฝากที่ประชุมไว้ด้วย ลองปรึกษาหารือกันในหลักการ ทุกคนคงจะไม่ขัดข้อง”
 
     จากแนวความคิดนี้ กอปรกับความคิดเห็นของครูที่แสดงออกทางสื่อมวลชนและอื่น ๆ ที่ล้วนเรียกร้องให้มีวันครูเพื่อให้เป็นวันแห่งการรำลึกถึงความสำคัญของครู ในฐานะที่เป็นผู้เสียสละ ประกอบคุณงามความดีเพื่อประโยชน์ของชาติและประชาชนเป็นอันมาก ในปีเดียวกันที่ประชุมคุรุสภาสามัญประจำปีจึงได้พิจารณาเรื่องนี้และมีมติ เห็นควรให้มีวันครูเพื่อเสนอคณะกรรมการอำนวยการต่อไป โดยได้เสนอหลักการว่า เพื่อจะได้ประกอบพิธีระลึกถึงคุณบูรพาจารย์ ส่งเสริมสามัคคีธรรมระหว่างครูและเพื่อส่งเสริมความเข้าใจอันดีระหว่างครู กับประชาชน
 
     ในที่สุดคณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2499 ให้วันที่ 16 มกราคมของทุกปีเป็น “วันครู” โดยเอาวันที่ประกาศพระราชบัญญัติครูในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2488 เป็นวันครูและให้กระทรวงศึกษาธิการสั่งการให้นักเรียนและครูหยุดในวันดังกล่าวได้
 
     ในทางพระพุทธศาสนาของเรานี่ ครูผู้ยิ่งใหญ่ของเราคือพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือพระบรมครูนั่นเอง เรารู้จักพระพุทธเจ้าในฐานะ ผู้เป็นพระบรมครู ศาสดาเอกของโลก   เราจึงควรศึกษาของดีๆ ที่มีอยู่ในพระพุทธศาสนา เพื่อนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์แก่สังคมอย่างกว้างขวาง
 
พระบรมครู
 
     พระพุทธเจ้าในสมัยเป็นเจ้าชายสิทธัตถะ ทรงได้รับการศึกษาเป็นอย่างดี จากอาจารย์ที่มีชื่อเสียง คือ อาจารย์วิศวามิตร วิชาที่ทรงศึกษา คือ ศิลปศาสตร์ 18 ประการ อันเป็นสิ่งจำเป็นที่ผู้จะเป็นกษัตริย์ จะต้องศึกษาศิลปศาสตร์ 18 ประการ คือ
 
1. ยุทธศาสตร์  วิชานักรบ
2. รัฐศาสตร์  วิชาการปกครอง
3. นิติศาสตร์   วิชากฎหมายและจารีตประเพณีต่างๆ
4. พาณิชยศาสตร์  วิชาการค้า
5. อักษรศาสตร์  วิชาวรรณคดี
6. นิรุกติศาสตร์  วิชาภาษาทั้งของตน และของชนชาติ ที่เกี่ยวข้องกัน
7. คณิตศาสตร์  วิชาคำนวณ
8. โชติยศาสตร์  วิชาดูดวงดาว
9. ภูมิศาสตร์  วิชาดูพื้นที่ และรู้จักแผนที่ของประเทศต่างๆ
10.โหราศาสตร์  วิชาโหรรู้จักพยากรณ์เหตุการณ์ต่างๆ
11.เวชศาสตร์  วิชาแพทย์
12.เหตุศาสตร์  วิชาว่าด้วยเหตุผล หรือตรรกวิทยา
13.สัตวศาสตร์  วิชาดูลักษณะสัตว์ และรู้เสียงสัตว์ว่าดี หรือร้าย
14.โยคศาสตร์  วิชาช่างกล
15.ศาสนศาสตร์  วิชาศาสนารู้ความเป็นมา และหลักศาสนาทุกศาสนา
16.มายาศาสตร์  วิชาอุบาย หรือตำหรับพิชัยสงคราม
17.คันธัพพศาสตร์ วิชาร้องรำหรือนาฎยศาสตร์ และวิชาดนตรีหรือดุริยางค์ศาสตร์
18.ฉันทศาสตร์   วิชาการประพันธ์
     พระพุทธเจ้าทรงศึกษาศิลปศาสตร์ 18 ประการนี้ จนมีความรู้แตกฉาน ยากที่หาใครเสมอเหมือนได้ จึงกล่าวได้ว่า พระองค์ทรงมีความรู้ ในทางโลกเพียบพร้อม เป็นอย่างดีอยู่แล้ว เมื่อได้เสด็จออกบรรพชา พระองค์ทรงได้ศึกษาเพิ่มเติมจากอาฬารดาบส และอุททกดาบส ทรงบำเพ็ญทุกกรกิริยา และทรงบำเพ็ญเพียรทางจิตใจ จนได้ตรัสรู้ พระองค์จึงทรงพร้อมที่จะสอนบุคคลทุกชั้น ตั้งแต่คนธรรมดา จนถึงนักปราชญ์ และเทวดา  ทุกโอกาสและสถานที่ เราลองมาพิจารณาการสอนแบบพระพุทธเจ้ากัน

ทรงพร้อมที่จะสอน
ทรงสอนด้วยการทำให้ดูเป็นตัวอย่าง
ทรงสอนโดยมีจุดมุ่งหมาย
ทรงสอนโดยคำนึงถึงความพร้อมของผู้ฟัง
ทรงสอนโดยคำนึงถึงความแตกต่างฯ
ทรงสอนโดยใช้สื่อภาษาที่เข้าใจง่าย
ทรงสอนจากสิ่งที่รู้ไปหาสิ่งที่ไม่รู้
ทรงสอนจากยากไปหาง่าย
ทรงสอนโดยจัดคำสอนเป็นข้อๆ
ทรงสอนตามความเข้าใจของผู้อื่น
ทรงสอนโดยวิธีซักถาม
ทรงสอนให้ผู้ฟังลงมือปฎิบัติ
ทรงสอนโดยใช้อุปกรณ์การสอน
ทรงสอนให้ใช้ปัญญาพิจารณาฯ
 
     แหละนี่คือ หลักการสอนการปฏิบัติตนของพระบรมครูผู้ยิ่งใหญ่ของโลกนี่ ที่เราทุกคนควรนำหลักไปปฏิบัติ เพื่อให้สันติสุขบังเกิดขึ้นแก่โลกใบนี้

MV เพลง ครู

รับชมคลิปวิดีโอครู
ชมวิดีโอครู  MP3 ธรรมะครู   Download ธรรมะครู

วันเด็กแห่งชาติ

วันเด็กแห่งชาติ 2555

น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้มอบ คำขวัญวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2555 ดังนี้

วันเด็กแห่งชาติ 2555
สามัคคี มีความรู้คู่ปัญญา คงรักษาความเป็นไทย ใส่ใจเทคโนโลยี
ทั้งนี้ในวันที่ 14 ม.ค. 2555 ซึ่งเป็น วันเด็กประจำปี 2555 นายกฯก็มีกำหนดเข้าร่วมกิจกรรมงานวันเด็กที่ทำเนียบรัฐบาลด้วย

ประวัติวันเด็กแห่งชาติ

งาน วันเด็กแห่งชาติ จัดขึ้นเป็นครั้งแรก เมื่อวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคม พ.ศ. 2498 ตามคำเชิญชวนของ นายวี.เอ็ม. กุลกานี ผู้แทนองค์การสหพันธ์เพื่อสวัสดิภาพเด็กระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ เพื่อให้ประชาชนเห็นความสำคัญและความต้องการของเด็ก และเพื่อกระตุ้นให้เด็กตระหนักถึงบทบาทอันสำคัญของตนในประเทศ โดยปลูกฝังให้เด็กมีส่วนร่วมในสังคม เตรียมพร้อมให้ตนเองเป็นกำลังของชาติ
รัฐบาลได้จัดให้มีคณะกรรมการจัดงานวันเด็กแห่งชาติขึ้นมาคณะหนึ่ง ทำหน้าที่ประสานงานกับหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐบาล รัฐวิสาหกิจ และเอกชน กำหนดให้มีการฉลองวันเด็กแห่งชาติทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค จุดประสงค์เพื่อให้เด็กทั่วประเทศทั้งในระบบโรงเรียนและ นอกระบบโรงเรียน ได้รู้ถึงความสำคัญของตน เกี่ยวกับสิทธิ หน้าที่ ความรับผิดชอบ ระเบียบวินัย ที่มีต่อตนเองและสังคม มีความยึดมั่นในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
งานวันเด็กแห่งชาติ จัดขึ้นทุกปีในวันจันทร์แรกของเดือนตุลาคมจนถึง พ.ศ. 2506 และใน พ.ศ. 2507 ไม่สามารถจัดงานวันเด็กได้ทัน จึงได้เริ่มจัดอีกครั้งในปี พ.ศ. 2508 โดยเปลี่ยนเป็นวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคม เนื่องจากเห็นว่าเป็นช่วงหมดฤดูฝนและเป็นวันหยุด

เพลงวันเด็ก



เนื้อเพลงหน้าที่เด็ก (เด็กเอ๋ยเด็กดี)
เด็กเอ๋ยเด็กดี
ต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน
เด็กเอ๋ยเด็กดี
ต้องมีหน้าที่สิบอย่างด้วยกัน
หนึ่ง นับถือศาสนา
สอง รักษาธรรมเนียมมั่น
สาม เชื่อพ่อแม่ครูอาจารย์ เพลงหน้าที่เด็ก (เด็กเอ๋ยเด็กดี) – เพลงวันเด็กแห่งชาติ
สี่ วาจานั้นต้องสุภาพอ่อนหวาน
ห้า ยึดมั่นกตัญญู
หก เป็นผู้รู้รักการงาน
เจ็ด ต้องศึกษาให้เชี่ยวชาญ
ต้องมานะบากบั่น ไม่เกียจไม่คร้าน
แปด รู้จักออมประหยัด
เก้า ต้องซื่อสัตย์ตลอดกาล
น้ำใจนักกีฬากล้าหาญ
ให้เหมาะกับกาลสมัยชาติพัฒนา
สิบ ทำตนให้เป็นประโยชน์
รู้บาปบุญคุณโทษ สมบัติชาติต้องรักษา
เด็กสมัยชาติพัฒนา
จะเป็นเด็กที่พาชาติไทยเจริญ


เพลงช้าง

เนื้อเพลง ช้าง ช้าง ช้าง
ช้าง ช้าง ช้าง ช้าง ช้าง น้อง เคยเห็นช้าง รึเปล่า
ช้างมันก้อตัวไม่เบาจมูกยาวๆเรียกว่างวง
มีเขี้ยวใต้งวงเรียกว่างา มีหูมีตาหางยาว…
***


กลอนวันเด็ก

กลอนเด็กดี
เด็กวันนี้คือผู้ใหญ่ในวันหน้า
เด็กเกิดมาบริสุทธิ์ดุจผ้าขาว
โลกเสื่อมโทรมแต้มสีราคีคาว
เด็กต้องก้าวต่อไปทางไกลนัก
โลกสับสนปนเปื้อนเกลื่อนวิปริต
สิ่งแวดล้อมเป็นพิษติดกับดัก
โลกเศร้าหมองหม่นใจขาดไร้รัก
จมในปลักโสมมสังคมทราม …
………………………………………………………………..

วันเด็กแห่งชาติ ปี 2554

วันเด็กแห่งชาติ ปี 2554
วันเด็กแห่งชาติ เป็นวันสำคัญในประเทศไทยตรงกับวันเสาร์ที่ 2 ของเดือนมกราคมของทุกปี เป็นวันหยุดราชการที่มิได้ชดเชยในวันทำงานถัดไป (วันจันทร์) มีการให้ คำขวัญวันเด็ก ทุกปีโดยนายกรัฐมนตรีที่ดำรงตำแหน่งในขณะนั้น

คำขวัญวันเด็ก

คำขวัญวันเด็ก เป็นคำขวัญที่นายกรัฐมนตรีมอบให้เด็กไทย เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติของทุกปี โดยคำขวัญวันเด็กมีขึ้นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ. 2499 ในสมัยที่จอมพล ป. พิบูลสงครามดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และตั้งแต่ พ.ศ. 2502 จอมพล สฤษดิ์ ธนะรัชต์ ซึ่งดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ได้ให้คุณค่าความสำคัญของเด็ก จึงมอบคำขวัญให้เป็นข้อคติเตือนใจสำหรับเด็กปีละ 1 คำขวัญ (ก่อนถึงวันเด็กแห่งชาติ) นายกรัฐมนตรีสมัยต่อมา จึงได้ถือเป็นธรรมเนียมสืบเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน

คำขวัญวันเด็ก ปี 2554

นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี คนที่ 27 ของไทย ได้มอบคำขวัญ
เนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2554 นี้ว่า
“รอบคอบ รู้คิด มีจิตสาธารณะ”



รวมสถานที่จัดงานวันเด็ก ปี2554

ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ
นางสาวสาลิน วิรบุตร์ ผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา สำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย สำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ขอเชิญ น้อง ๆ หนู ๆ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2554 ที่ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ ในเสาร์ที่ 8 มกราคม 2554 ภายใต้หัวข้อ Smart Kids : เด็กดี คิดดี ทำดี
ตื่นตากับกิจกรรม การแสดงบนเวที ดนตรี เกม การเล่นที่หลากหลาย ในบรรยากาศอันแสนอบอุ่น ชมละครวิทยาศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัย เรื่องสายรุ้งล่องหน ร่วมสนุกกับเกม และกิจกรรมต่าง ๆ ภายในงานอย่างมากมาย อาทิ
Smart Kids : นักจินตนาการ ชมการแสดงผลงาน “พลังฝันสร้างสรรค์อนาคต” ของเด็กที่ชนะการประกวดของฮอนด้า
Smart kids : นักสร้างสรรค์ ได้แก่ เสียงจากจักจั่น, กระดุมสร้างสรรค์, ตุ๊กตาไต่ราว, วิศวกรน้อย, เลเซอร์เต้นระบำ, พับกระดาษ ยานอวกาศ รูปทรงสี่หน้า และพับกระดาษรูปสัตว์ใกล้สูญพันธุ์
Smart Kids : นักแข่งขัน ได้แก่ หุ่นยนต์เดินตามแสง, โดมิโน, ปืนแม่เหล็ก และสถาปัตยกรรมกระดาษ
Smart Kids : นักทดลอง ได้แก่ มนต์เปลี่ยนสี
Smart Kids : Smart Photo เก็บภาพวัยเยาว์ Smart Kids : สนุกคิดกับ สสวท. และ
Smart Kids : ครอบครัวสัมพันธ์ พร้อมชมการแสดงของนักเรียนจากโรงเรียนวัดไผ่เงินโชตนาราม และภาพยนตร์ดาราศาสตร์ 3 มิติ
นอกจากนี้ ยังได้จัดการแสดงทางท้องฟ้าจำลอง ฉายภาพยนตร์เต็มโดมเรื่อง “มหัศจรรย์แห่งจักรวาล” ซึ่งเด็ก ๆ สามารถร่วมกิจกรรม พร้อมทั้งชมนิทรรศการวิทยาศาสตร์ทุกอาคาร ฟรี มีของที่ระลึกแจก ร่วมลุ้นรับของรางวัลอีกมากมาย สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มการตลาดและประชาสัมพันธ์ โทร. 0 2392 1773, 0 2391 0544
กิจกรรมฉลอง 40 ปี บีเลิฟ โดราเอมอน ต้อนรับวันเด็กแห่งชาติ ปี 2554
เอไอ (ไทยแลนด์) ขอเชิญร่วมกิจกรรมฉลอง 40 ปี บีเลิฟ โดราเอมอน ต้อนรับวันเด็กแห่งชาติ ปี 2554 ครั้งแรกในเมืองไทยกับโมเดลโดราเอมอนและผองเพื่อนพร้อมฉากแห่งความทรงจำ สนุกสนานตะลุยด่านของวิเศษเพื่อพบกับดาราการ์ตูนโดราเอมอนและผองเพื่อน บินตรงจากประเทศญี่ปุ่น มาร่วมชมและให้กำลังใจกับการประกวดร้องและเต้นชิงถ้วยประทาน พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ และโชว์สุดฮิต Baby Mime และมินิคอนเสิร์ตของ ชูก้า อายส์ และ เนโกะ จั๊มพ์ ในระหว่างวันที่ 6-9 มกราคม 2554 ณ ชั้น G ศูนย์การค้าเซ็นทรัล พลาซา ปิ่นเกล้า
ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ รามอินทรา ชั้น G จัดงานวันเด็ก Toys World วันที่ 6 – 16 มกราคม 2554

โดย ในวันที่ 8 และ วันที่15-16 มกราคม 2554 นี้ และเตรียมพบกับสินค้าของ DEX ราคาพิเศษได้ภายในงาน และ พบกับฮีโร่ตัวจริงในงาน Meet & Greet Ultraman Mebius
ในวันที่ 8-9 มกราคม 2554 ขอเชิญน้อง ๆ ระดับประถมศึกษาทั่วประเทศ เข้าประกวด Shelldon Singing & Dancing Contest
ชิงถ้วยประทาน พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าทีปังกรรัศมีโชติ พร้อมทุนการศึกษากว่า 100,000 บาท
กรุงเทพฯและภาคกลาง ณ ศูนย์การค้าแฟชั่น ไอส์แลนด์ วันที่ 9 มกราคม 2554
อ่านรายละเอียดที่ เว็บนี้ครับ
กทม.จัดงานฉลองวันเด็กแห่งชาติประจำปี 54 ที่สวนรถไฟ
นางทยา ทีปสุวรรณ รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นประธานแถลงการจัดงานวันเด็กแห่งชาติของกรุงเทพมหานคร ประจำปี 2554
ซึ่งกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 8 มกราคม 2554 ตั้งแต่เวลา 08.30-17.00 น. ที่สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ) เขตจตุจักร พร้อมกล่าวว่า กิจกรรมภายในงานจัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Kid Power” แบ่งออกเป็น 6 ฐาน ได้แก่ 1.ฐานพลังเด็กไทยใส่ใจสุขภาพ โดยสำนักอนามัย และสำนักการแพทย์ 2.ฐานพลังเด็กไทยใส่ใจสิ่งแวดล้อม โดยสำนักสิ่งแวดล้อม สำนักการระบายน้ำ สำนักผังเมือง และสำนักการคลัง 3.ฐานพลังเด็กไทยใส่ใจความปลอดภัย โดยสำนักการจราจรและขนส่ง สำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และสำนักการโยธา
4. ฐานพลังเด็กไทยใส่ใจการเรียนรู้ กิจกรรมเพื่อเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้ โดยสำนักการศึกษา 5. ฐานพลังเด็กไทยใส่ใจความพอเพียง โดยสำนักพัฒนาสังคม สำนักเทศกิจ และสำนักงานสถานธนานุบาลกรุงเทพมหานคร และ 6.ฐานพลังเด็กไทยใส่ใจวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยว โดยสำนักวัฒนธรรม กีฬาและการท่องเที่ยว เพื่อให้เด็กและเยาวชนได้รับความรู้ ทักษะและประสบการณ์ต่าง ๆ ไปประยุกต์ปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้
นอกจากนี้ ยังมีการมอบทุนการศึกษาให้แก่เด็กและเยาวชนจำนวน 500 ทุน และภายในงานยังมีซุ้มอาหารเครื่องดื่มฟรีให้แก่เด็ก ๆ และครอบครัวที่มาร่วมงาน
ขณะเดียวกันระหว่างวันที่ 7-15 มกราคม กทม.ได้จัดสัปดาห์วันเด็ก ที่ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) ศูนย์เยาวชนของกรุงเทพมหานครทั้ง 37 แห่ง ศูนย์กีฬา 10 แห่ง ห้องสมุดเพื่อการเรียนรู้ 34 แห่ง และพิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานครเด็กและเยาวชน ซึ่งมีกิจกรรมการแข่งขันเกม กีฬา การละเล่นต่าง ๆ การตอบปัญหาชิงรางวัล การแสดงบนเวที สวนสนุก และอื่น ๆ อีกมากมาย เพื่อเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ ในพื้นที่ห่างไกลได้ร่วมสนุกในช่วงวันเด็กแห่งชาติ.-สำนักข่าวไทย
เรือรบหลวง จักรีนฤเบศร ร่วมจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2554 ในวันเสาร์ที่ 8 ม.ค 54
ณ ท่าเรือจุกเสม็ด ฐานทัพเรือสัตหีบ จ.ชลบุรี



“จิ๋วเรนเจอร์” รปภ.นายกฯ วันเด็กแห่งชาติ ที่ทำเนียบรัฐบาล
ในงานวันเด็กแห่งชาติ 8 ม.ค. ปีนี้ นอกจากรัฐบาลจะจัดงานใหญ่ที่ทำเนียบรัฐบาลเช่นเดียวกับทุกปีแล้ว ยังมีกิจกรรมพิเศษสำหรับเด็กชื่อว่าโครงการ “จิ๋วเรนเจอร์” โดยมีเด็กที่เข้าร่วมประมาณ 50 คนคัดเลือกมาจากโครงการเอื้ออาทร คู้บอน กทม. เด็กกลุ่มนี้จะมีภารกิจคอยดูแลความปลอดภัยและอำนวยความสะดวกให้กับเด็กๆที่ ไปเที่ยวงาน โดยจะกระจายตัวอยู่ตามจุดต่างๆในทำเนียบ โดยเฉพาะตึกไทยคู่ฟ้า ซึ่งจะเป็นจุดที่มีเด็กที่รอเข้าคิวเพื่อเข้าชมภายในและนั่งเก้าอี้นายกฯ จำนวนมาก เด็กทั้งหมดจะได้รับการฝึกการปฏิบัติหน้าที่จากทีมตำรวจของทำเนียบ และจะมีการคัดเลือกเด็ก 6 คน ประกอบด้วย ด.ช.เด่นพงษ์ เจริญตา โรงเรียนเศรษฐบุตรบำเพ็ญ , ด.ญ.ลลิตา คงมั่น ,ด.ญ.ชลดา คงมั่น , ด.ช.ธรรมสรณ์ สวนพุทธ , ด.ญ.ปิยธิดา วานิชพงศ์ โรงเรียนวัดคู้บอน และ ด.ช.สายฟ้า วงศ์เกลี้ยง โรงเรียนนวมินทราชูทิศ เป็นหัวหน้าชุด ซึ่งเด็กทั้งหมด จะทำหน้าที่อารักขานายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ตลอดเวลาที่นายกฯปฎิบัติภารกิจในทำเนียบตลอดวันเด็ก
นายวิทเยนทร์ มุตตามระ เลขานุการรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ริเริ่มโครงการ เปิดเผยว่า กิจกรรมนี้จะเป็นครั้งแรกที่จะให้เด็กได้มาดูแลความเรียบร้อยของงานวันเด็ก ทำเนียบด้วยตัวเอง ซึ่งนายกฯเห็นชอบให้จัดขึ้น เป็นการกระตุ้นให้เด็กได้มีโอกาสทำกิจกรรมที่เป็นประโยชน์เพื่อส่วนรวม สอดคล้องกับคำขวัญวันเด็กที่นายกฯอยากให้เด็กไทยยุคนี้มีจิตสาธารณะ เพราะเด็กที่เข้าร่วมโครงการนี้เป็นอาสาสมัคร มาดูแลเพื่อนๆที่ไปเที่ยวงานวันเด็กที่ทำเนียบ ซึ่งคาดว่าจะมีนับหมื่นคน โดยทั้งหมดจะได้รับการฝึกจากตำรวจทำเนียบรัฐบาล ทุกวันก่อนที่จะถึงวันเด็กและในวันศุกร์ที่ 7 ม.ค.จะมีการซ้อมใหญ่ที่ทำเนียบ ในวันนั้นนายกรัฐมนตรี จะทำพิธีสวมหมวก “จิ๋วเรนเจอร์” ให้เด็กที่จะมาปฎิบัติหน้าที่ทุกคนด้วย
ที่ผ่านมา เด็กที่ชุมชนนี้ได้แจ้งเหตุไฟใหม้ หรือเหตุร้ายต่างๆ ตรวจสอบคนที่เข้าออก ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แต่ปรากว่าข่าวที่ออกไปกลับกลายเป็นว่ามีการฝึกกองกำลังชุดดำเพื่อนำไปใช้ ทางการเมือง เมื่อตนมาตรวจสอบจึงทราบว่าไม่ใช่ข้อเท็จจริงและเห็นว่าเป็นโครงการที่มี ประโยชน์ สามารถป็นชุมชนต้นแบบสำหรับชุมชนอื่นที่จะนำไปสร้างระบบการดูแลชุมชนของตัว เองจึงให้การสนับสนุน
สวนเสือศรีราชา ชวนเที่ยวงานวันเด็ก 2554
สวนเสือศรีราชา ชวนน้องๆ หนูๆ มาหฤหรรษ์ในวันเด็กแห่งชาติ ปี 2554 โดยภายในงาน น้องๆ จะมีโอกาสได้ชมอาวุธยุทธโธปกรณ์ทางทหารต่างๆ อาทิ ปืนใหญ่ รถยนต์ต่างๆ จากกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 21 รักษาพระองค์ อีกทั้งน้องๆ ยังได้ร่วมสนุกกับเกมต่างๆ พร้อมลุ้นรับของรางวัลอีกมากมาย ฟรี
พิเศษ ! เด็กส่วนสูงไม่เกิน 140 ซม. และนักเรียนในเครื่องแบบ เข้าชมฟรี !!
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 038 296 556-8
งานวันเด็ก TK park “สนุก เล่น เห็นโลกกว้าง ตอน ท่องแดนนานาชาติ”

วันเสาร์ที่ 8 และอาทิตย์ที่ 9 มกราคม 2554 ตั้งแต่เวลา 10.30 – 18.00 น.
ณ อุทยานการเรียนรู้ TK park ชั้น 8 ศูนย์การเรียนรู้เซ็นทรัลเวิลด์
วันเด็กปีนี้ อุทยานการเรียนรู้ TK park เปิดบ้าน รับอาสาพาน้องๆ เดินทางท่องเที่ยว เปิดหูเปิดตา เติมความคิด ติดความรู้ จุดประกายจินตนาการกับวัฒนธรรมอันหลากหลายของนานาประเทศทั่วโลกกับงาน “สนุก เล่น เห็นโลกกว้าง ตอน ท่องแดนนานาชาติ”
- เรียนรู้วิถีชีวิตและความหลากหลายทางวัฒนธรรมของแต่ละประเทศทั่วโลก ผ่านการแสดง การละเล่น อาหารการกิน และชุดแต่งกายประจำชาติ
- ตะลุยแรลลี่เกมสร้างสรรค์ล่ารางวัลมากมาย พร้อมลุ้นจับฉลากของรางวัลใหญ่
- ชมโชว์หลากหลายการแสดงจากนานาประเทศ โดยน้องๆ เยาวชนคนเก่งและพี่ๆ มืออาชีพ
- เพลิดเพลินกับกิจกรรมและเวิร์คช็อปที่มาพร้อมสาระและความบันเทิง อาทิเช่น กิจกรรมเล่านิทานพับกระดาษ กิจกรรมเ้พ้นท์ใบหน้าเป็นธงชาติประเทศต่างๆ พร้อมชมภาพยนตร์การ์ตูนเรื่องโปรดของคุณหนูๆ
มาร่วมท่องแดนนานาชาติด้วยกัน สองวันเต็มๆ ตั้งแต่เวลา 10.00 – 18.00 น. ณ อุทยานการเรียนรู้ TK park ชั้น 8 Dazzle Zone ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 02-264-5963-5 ต่อ 135 หรือ www.tkpark.or.th
ประกวด “MJ Kid’s Contest’11 @CentralPlaza RAMA 3″ ต้อนรับวันเด็กแห่งชาติ’2554
ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา พระราม 3
ขอเชิญเยาวชน อายุระหว่าง 5-14 ปี เข้าร่วมประกวด “MJ Kid’s Contest’11 @CentralPlaza RAMA 3″ ต้อนรับวันเด็กแห่งชาติ’2554
8 มกราคม 2554 ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา พระราม 3 ต้อนรับวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2554 เอาใจน้องๆ หนูๆ ขาแด๊นซ์ จัดประกวด “MJ Kid’s Contest’11 @CentralPlaza RAMA 3″ การประกวดร้อง เล่น เต้น สไตล์ไมเคิล แจ๊คสัน เยาวชนระดับอายุ 5-14 ปี ชิงทุนการศึกษา โล่รางวัลพร้อมประกาศนียบัตร และของรางวัลมากมาย โดยได้รับเกียรติจาก Commentators ชื่อดัง เป็นกรรมการตัดสิน พร้อมพบกับ
• Booth ของแจกสำหรับเด็กๆ และการออกร้านของที่ระลึก Michael Jackson’s และสินค้า เพื่อเด็กๆ
• Mini Concert จากนักร้องนักเต้น และเกมส์เพื่อเด็กๆ อีกมากมาย
มาพิสูจน์ความสามารถเด็กไทยและ ร่วมเป็นกำลังใจได้ในงาน”MJ Kid’s Contest’11 @CentralPlaza RAMA 3″ วันที่ 8 – 9 มกราคม 2554 ณ ชั้น 1 โซนลิฟท์แก้ว ศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา พระราม 3
ดาวน์โหลดใบสมัครได้ที่ http://www.centralplaza.co.th/download/MJ_A5_Final.pdf
เที่ยววันเด็ก กับ BTS ฟรี สำหรับเด็กที่สูงไม่เกิน 140 ซม.

เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติ ซึ่งตรงกับวันเสาร์ที่ 8 มกราคม 2554 บริษัทฯ ได้ร่วมฉลองวันเด็กแห่งชาติประจำปี ด้วยการเปิดโอกาสให้เด็กที่มีส่วนสูงไม่เกิน 140 เซนติเมตร สามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส ฟรี ตั้งแต่เวลา 06.00น. ถึง 24.00 น. อีก ทั้งเพื่อเป็นการส่งเสริมให้เด็กๆได้มีประสบการณ์เรียนรู้การเดินทางด้วย ระบบขนส่งมวลชน โดยเด็กจะต้องเดินทางพร้อมผู้ปกครอง ขึ้นและลงสถานีเดียวกัน ทั้งนี้ บริษัทฯ จะได้จัดเจ้าหน้าที่คอยดูแลอำนวยความสะดวก ให้เด็กเข้าออกในระบบอย่างปลอดภัยโดยผ่านประตูพิเศษ ติดต่อขอรับคูปองการเดินทางฟรีได้ทั้ง 25 สถานี
สำหรับสถานที่จัดกิจกรรมวัน เด็กในเส้นทางรถไฟฟ้า ได้แก่ งานรวมพลังเยาวชนไทย พลังแห่งแผ่นดิน เทิดไท้องค์ภูมินทร์ นวมินทร์มหาราชา เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา 7 รอบ 5 ธันวาคม 2554 ซึ่งจะจัดขึ้น ณ สนามกีฬาเทพหัสดิน โดยผู้ปกครองและเด็กที่ต้องการจะไปร่วมงาน จะต้องลงที่สถานีสนามกีฬาแห่งชาติ หาก จะไปเที่ยวชมศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา หรือท้องฟ้าจำลอง นั่งรถไฟฟ้าลงที่สถานีเอกมัย ส่วนเข้าชมอุทยานผีเสื้อและแมลงกรุงเทพ พิพิธภัณฑ์เด็กกรุงเทพมหานคร สามารถลงที่สถานีรถไฟฟ้าหมอชิต เป็นต้น
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์ฮอตไลน์บีทีเอส โทรศัพท์ 0 2617 6000 หรือที่ ส่วนสื่อสารองค์กร หมายเลขโทรศัพท์ 0 2617 7300 ในเวลาทำการ จันทร์-ศุกร์
CPN KIDS’ DAY 2011 เที่ยวงานวันเด็กที่ เซ็นทรัล พัทยา บีช

ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเฟสติวัล พัทยา บีช จัดงาน CPN KIDS’ DAY 2011 รับเทศกาลวันเด็กปี 2554 “รอบคอบ รู้คิด มีจิตสาธารณะ” ด้วยกิจกรรมสร้างสรรค์และสนุกสนานสำหรับเด็ก ๆ มากมาย พร้อมชักชวนเด็ก ๆ ร่วมบริจาคของเล่นให้กับเด็กด้อยโอกาส ใน “โครงการห้องสมุดของเล่น ของสมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน” ตั้งแต่วันที่ 8-9 มกราคม 2554 ณ ลานกิจกรรม ตั้งแต่เวลา 10:30 น. เป็นต้นไป
พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ กับงานเด็กไทยหัวใจเกษตร 8


กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กำหนดจัดงานวันเด็ก “เด็กไทยหัวใจเกษตร 8 ” วันเสาร์ที่ 8 มกราคม 2554 ภายใต้แนวคิด “สวนเกษตรหรรษา” สัมผัสและสูดกลิ่นไอของวิถีชีวิตเกษตร ย้อนยุคไปกับการละเล่นแบบไทยๆ ณ พิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ
อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ตั้งแต่ 8 โมงเช้า งานนี้ นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานเปิดงาน ในงานมีบู้ทจากหน่วยงานต่างๆครบทุกกรมที่สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดยจะมาให้ความรู้ด้านเกษตรกับน้องๆที่สนใจทุกคน มาแล้วได้ประโยชน์มากๆครับ สามารถนำความรู้กลับไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวันในช่วงนี้ งานนี้มีการเตรียมเสบียงอาหารและเครื่องดื่มรองรับเด็กและผู้ปกครองที่เข้า มาร่วมงาน พร้อมบริการรถรับ-ส่งจากบริเวณหน้าพิพิธภัณฑ์ และเข้าชมงานฟรีครับ !
งานวันเด็กแห่งชาติ เทศบาลนครอุบลราชธานี
“ขอเชิญชวน เด็ก เยาวชน ผู้ปกครอง เที่ยวงานวันเด็กแห่งชาติ เทศบาลนครอุบลราชธานี ณ ในวันเสาร์ที่ ๘ มกราคม ๒๕๕๔ ตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐ – ๑๕.๐๐ น. พร้อมรับของขวัญ – ของชำร่วย อาหาร/เครื่องดื่ม ฟรีตลอดงาน”
ชื่อการจัดงาน : งานวันเด็กแห่งชาติ เทศบาลนครอุบลราชธานี
วันและเวลาจัดงาน : วันเสาร์ที่ 8 มกราคม 2554 เวลา 08.00-15.00 น.
สถานที่จัดงาน : บริเวณสำนักงานเทศบาลนครอุบลราชธานี
ผู้จัดงาน : เทศบาลนครอุบลราชธานี
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี ตระหนักถึงความสำคัญของเด็กและเยาวชนซึ่งเป็นกำลังสำคัญของประเทศในอนาคต จึงได้จัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติเป็นประจำทุกปี สำหรับวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2554 ตรงกับวันเสาร์ที่ 8 มกราคม 2554 ในหัวข้อเปิดโลกแห่งความสุข สนุกกับจินตนาการ สืบสานวัฒนธรรม โดยมีกิจกรรมที่น่าสนใจ อาทิ นิทรรศการทางวิชาการ ความรู้ด้านคอมพิวเตอร์ อินเตอร์เน็ต การทดลองและสาธิตทางวิทยาศาสตร์ การแสดงบนเวที การแสดงความสามารถของเด็กและเยาวชน และชมการประกวดร้องเพลง พีเอสยู จูเนียร์ แฟนตาเซีย รอบชิงชนะเลิศ
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี จึงขอเชิญเด็กและเยาวชนร่วมกิจกรรมงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2554 ในวันเสาร์ที่ 8 มกราคม 2554 ระหว่างเวลา 08.30 -16.00 น. ณ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่
คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ขอเชิญเที่ยวงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2554 ในวันที่ 8 มกราคม 2554 ตั้งแต่เวลา 7.30 – 13.30 น. ณ บริเวณลานใต้อาคารแพทยศาสตร์และอาคารเรียนรวมและหอสมุดฯ เพื่อเป็นการส่งเสริมให้เยาวชนมีความคิดริเริ่ม สร้างสรรค์ มีคุณธรรมและจริยธรรม รวมทั้งค่านิยมที่ถูกต้อง กล้าคิด กล้าแสดงออกในพฤติกรรมที่เหมาะสม ในงานมีกิจกรรมที่สื่อให้เห็นถึงโลกย้อนยุค โลกแห่งจินตนาการ รักษ์โลกรักสิ่งแวดล้อม และรักษ์สุขภาพ กิจกรรมการบันเทิง การแสดงและการละเล่นต่าง ๆ ของเยาวชนพร้องทั้งการแจกของขวัญสำหรับเยาวชนอีกมากมาย
สำหรับท่านที่ต้องการร่วม บริจาคของขวัญสำหรับเยาวชน 1 ชิ้น เพื่อการให้ ขอเชิญบริจาคได้ที่ ฝ่ายบริการพยาบาล โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ โทร.074-451662-5
พบกับซุ้มกิจกรรม และเกมส์ ทั้งหมด 21 ซุ้ม และซุ้มขนมไทยๆ 1 ซุ้ม เช่น
- ซุ้ม Imagination - ซุ้ม Save world - ซุ้ม kickling - ซุ้ม bowling - ซุ้ม หมากเก็บ - ซุ้ม ตกกระป๋อง - ซุ้ม สอยดาว - ซุ้ม เป่าสี - ซุ้ม ร้อยลูกปัด - ซุ้ม ระบายฝัน - ซุ้ม ต้นไม้นำโชค - ซุ้ม น้องคุ้ยพี่เขี่ย - ซุ้ม โยนบาสลงห่วง - ซุ้ม โบว์ลิ่งหรรษา - ซุ้ม การ์ดวันเด็ก ฯลฯ
มหาวิทยาลัยอุบลราชธานีกิจกรรมวันเด็ก 2554 วันเสาร์ที่ 8 มกราคม 2554 ณ ลานกิจกรรม หอพักนักศึกษา มหาวิทยาลัยอุบลราชธานี
- ประกวดหนูน้อยน่ารักอารมณ์ดี
- แข่งขันฮูลาฮุปทนทาน
- แข่งขันระบายสี
- ตอบคำถามชิงรางวัล
- ชมการแสดงบังคับม้า ขี่ม้า
- แจกขนม น้ำหวาน ไอศกรีม และของรางวัลอื่นๆ อีกมากมาย
รายละเอียดเพิ่มเติม http://www.ubu.ac.th/~pnr/news/54/children_day54.pdf
ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงจัดงานวันเด็กประจำปี 2554 จ.เชียงรายท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย ร่วมกับภาคเอกชน 57 หน่วยงานจัดกิจกรรมวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2554 ในวันเสาร์ที่ 8 มกราคม 2554 ณ บริเวณหน้าหอบังคับการหลังเก่าท่าอากาศยานแม่แม่ฟ้าหลวงเชียงราย
นายยุทธนา จิตรอบอารีย์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลได้กำหนดให้ทุกวันเสาร์ที่สองของเดือนมกราคม ของทุก ๆ ปี เป็นวันเด็กแห่งชาติซึ่งในปี 2554 ตรงกับวันเสาร์ที่ 8 มกราคม 2554 โดย ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะได้ให้คำขวัญวันเด็กประจำปี 2554 ว่า ” รอบคอบ รู้คิด มีจิตสาธารณะ ” เพื่อพัฒนาเยาวชนเด็กไทยในจังหวัดเชียงราย ท่าอากาศยานจังหวัดเชียงรายได้กำหนดจัดกิจกรรมจัดงานวันเด็กประจำปี 2554 ในวันเสาร์ที่ 8 มกราคม 2554 ระว่างเวลา 09.00 น.ถึงเวลา 16.00 น. ณ บริเวณหน้าหอบังคับการหลังเก่า ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย โดยมีหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเข้าร่วมจัดกิจกรรมวันเด็กประจำปี 2554 รวมทั้งสิ้น 57 หน่วยงาน โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย ให้เกียรติไปเป็นประธานเปิดงานวันเด็กประจำปี 2554 พร้อมอ่านสานส์วันเด็กประจำปี 2554 ของ ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี และจัดให้มีการถ่ายทอดเสียง ทางสถานีวิทยุกระจายเสียงองค์การสื่อสารมวลชนจังหวัดเชียงราย ระบบ เอฟ.เอ็ม ความถี่ 101.25 มฮ.ตลอดการจัดกิจกรรมดังกล่าว
ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย ขอประชาสัมพันธ์เชิญชวน สถานศึกษา นักเรียน ผู้ปกครอง ได้ไปร่วมงานวันเด็กประจำปี 2554 ณ บริเวณหน้าหอบังคับการบินหลังเก่า ท่าอากาศยานแม่ฟ้าหลวงเชียงราย โดยพรอ้มเพรียงกัน