วันพฤหัสบดีที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2555

 เทศกาลตรุษจีน
 ตรุษจีน   หรือ ชุงโจ้ย (   ) คือวันที่ปราชญ์ชาวจีนแต่โบราณกำหนดให้ เป็นวันเริ่มต้นในรอบปี   ตามปฏิทินจันทรคติของจีน    นอกจากเป็นวันเริ่มต้นของปีแล้ว  ยังเป็นวันเปลี่ยนจากฤดู   ตังที ตง ที(   )  อันหนาวเหน็บ  เข้าสู่ ฤดู ชุงที ( )  ที่มีแต่ความสุขสดชื่น  อบอุ่นมีชีวิตชีวา   สรรพสัตว์ตื่นจากจำศีล   ผลประกอบการทางการค้าที่มีกำไรส่งให้มีการจ่ายเงินรางวัลแก่ลูกจ้าง  และคนในครอบครัว   วันตรุษจีน  จึงเป็นวันแห่งความสุขเกษมเปรมปรีดิ์ในรอบปี   มีการฉลองอย่างสนุกสนาน  ใหญ่โต  มีสีสัน  อย่างที่ทราบกัน  คนจีนเป็นผู้ที่ขยันขันแข็ง    ทำงานเช้ายันค่ำทุกวันแทบไม่มีวันหยุด  ปีละกว่า 300 วัน    จะมีวันหยุดที่เป็นล่ำเป็นสันก็ช่วงตรุษจีนประมาณ  5  วันเท่านั้น   เขาจึงใช้เวลาเหล่านั้นไปบำรุงบำเรอความ สุขตนอย่างเต็มที่   จับจ่ายใช้สอย  เช่นซื้อเสื้อผ้า   อาหารอย่างดี  เที่ยวเตร่ เป็นต้น
 

       วันตรุษจีน  มีมาแล้วประมาณ  3,600  ปี   หลักฐานทางประวัติศาสตร์  ปฏิทินจีนนั้นกำเนิดขึ้นเมื่อ  980  ปีก่อนพุทธกาล    สันนิฐานว่า  ตรุษจีนก็คงเริ่มมาในเวลาไล่เรี่ยกัน     ช่วงของเทศกาลตรุษจีน   ต่อเนื่องมา  ตั้งแต่วันสุดท้ายของเดือน  12  ของปฎิทินจีน ( แต่ไม่เสมอไปอาจเป็นวันอื่น   แต่ละปีจะไม่ตรงกัน   และเหตุที่ใช้คำว่า  ”วันสุดท้าย”  เพราะเดือน  ของจีนมีทั้ง  29 วัน  หรือ 30 วัน ไม่กำหนดแน่นอน ) 
                        แต่พอผ่าน วันที่ 21  หรือ  22  ธันวาคม  (ตรงนี้ต้องใช้เดือนของเทศประกอบ)    เป็นวัน  ตังโจ้ย (    )   หรือเทศกาลกิน อี๊(   ) ขนมบัวลอย   ผู้ที่ผ่านวันนี้ไปแล้วพึงจำไว้   ท่านมีอายุเพิ่มขึ้นอีก  1  ขวบ  อี๊  ส่วนหนึ่งจะเอาไปติดไว้ตามตู้กับข้าว  ผนัง   ตามข้างเตาไฟ  จุดอื่นในห้องครัวบ้าง   ในช่วงนี้จนถึงสิ้นปี  จะมีงิ้วแก้บน ที่เรียกว่า งิ้ว  เสี่ยซิ้ง (   ) กันแทบทุกศาลเจ้า ศาลพระภูมิ  หรือ โรงเจ  เยอะมากความจริงบางแห่งอาจมีมาก่อนหน้านี้แล้ว
 
 
                        เหตุที่ต้องใช้เดือนของเทศประกอบเนื่องจากการคำนวณวัน  ตังโจ๊ย  ถือเอาวันที่เวลากลางวันสั้นที่สุดของปี   ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นฤดูหนาวของประเทศจีน  หรือประเทศซีกโลกทางเหนือ   วันที่ที่กำหนดว่าเป็นวันตังโจ๊ย     ให้ดูจากปี ค.ศ.  ปีที่หารด้วย  4 ลงตัวหรือปีที่เดือน กุมภาพันธ์มี  29 วัน    ตังโจ๊ย  จะเป็นวันที่  21 ธันวาคม
                        จากนั้นก็จะถึงวันที่  24  ของเดือน 12  เป็นวัน ซิ๊งเจี่ยที   ( )  ไหว้ส่ง เจ้าเตาไฟ  เจ่าซิ้ง (   ) ขึ้นไปเฝ้าองค์เง็กเซียนฮ่องเต้   บนสวรรค์   เพื่อรับเลี้ยงตรุษจีน และ เพ็ดทูลความเป็นไปของโลกมนุษย์   ความดีความชั่วของชาวบ้านต่าง ๆ  เง็กเซียนฮ่องเต้ก็รู้กันตอนนี้  จะได้นำไปคิดบัญชีต่อไป     คนจีนเลยไหว้เจ้าในวันนี้ด้วย  ขนมหวาน    หรือ  ขนมบัวลอย ที่ทำจากแป้งข้าวเหนียว  โรยน้ำตาล  แผ่นบาง ที่หวาน และ เหนียว  เป็นการทำให้เทพเตาไฟ เพ็ดทูลเรื่องความไม่ดีในโลกมนุษย์ได้ไม่ถนัดปาก   เพราะขนมติดปาก  หรือ  รับสินบนชาวบ้านมา แล้วโดยไม่รู้ตัว   มิใช่มีแค่เจ้าเตาไฟเท่านั้นที่ขึ้นไปเฝ้า   เทพที่มีฐานะต่างก็ต้องขึ้นไปเฝ้าแหนเช่นกัน  เช่น เจ้าที่   ตี่จู๋เอี๊ย  เป็นต้น              
                        หลังจากวันส่งเจ้าแล้ว   ชาวบ้านจะพากันทำความสะอาดบ้านเรือน  ห้องหอ  เป็นการขนานใหญ่   เตรียมไว้รับสิ่งดี ๆ ใหม่     ในวันตรุษจีนกัน  บ้างก็จะทาสีบ้าน   ติดกระดาษสีแดงมีตัวอักษรจีนสีทอง  ติดประตูทางเข้าบ้านข้างละแผ่น  เรียกว่ากระดาษ  กลอนคู่   ตุ้ยเลี้ยง ( )หรือ คำอวยพรง่าย ๆ   เช่น  ซิงเจียยู่อี่   ซิงนี้ฮวกไช้    ศกใหม่ให้สมดังหวัง  ปีใหม่ให้มั่งคั่งร่ำรวย  หรือ กลอนอื่น    ที่เป็นศิริมงคล   ช่างเขียนอักษรจีนจะมีรายได้เป็นกอบเป็นกำในช่วงนี้     เมื่อ  4 50  ปีก่อน  มีผู้ประดิษฐ์อักษรจากลวดลายต่าง เช่นนก  ผีเสื้อ ต้นไม้ ใบไม้ และ เดินไปเขียนให้ตามบ้านเรือนทั้งใน  กทม.  และ ต่างจังหวัด
 
                         ไคลแม็กซ์จริง ๆ    เทศกาลตรุษจีน   เริ่มตั้งแต่ก่อนวันตรุษจีน   2  วัน   เรียกว่า  วันจ่าย  เป็นวันที่แม่บ้านพ่อบ้านต้องไปจับจ่ายหาซื้อเครื่องเซ่นไหว้   อาหารการกินเตรียมไว้ช่วงตรุษจีนที่ร้านรวงปิดกันเป็นส่วนใหญ่     พอถึงวันสุดท้ายของเดือน 12    ซึ่งนิยมเรียกว่า  ซาจับ ( )  แม้บางปีจะเป็นวันที่  29 จะเป็น วันไหว้    เริ่มกันตั้งแต่ช่วงเช้า จะเป็นการไหว้เจ้าที่  ( ตี่จู๋เอี๊ย ) ศาลพระภูมิ  ไหว้บรรพบุรุษตอนสาย     ตกบ่ายไหว้ หอเฮียตี๋   ( )   ผี วิญญาณไร้ญาติ  สัมภเวสี ที่ล่องลอยไปมาคอยรับส่วนบุญ  ซึ่งเป็นการ สะท้อนถึงจิตวิญญาณของชาวจีนที่มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แม้กับวิญญาณคนตายที่ตนไม่รู้จัก จากนั้น ก็จะมีการแจกเงินก้นถุง  แก่บรรดาลูกหลาน บริวาร    ใส่ซองแดงเรียกว่า อั่งเปา   ( )(เงินแต๊ะเอีย  เงินโบนัส  แล้วแต่จะเรียก ) แล้วกิจการงาน การค้าจะสะดุดอยู่ตรงนั้นไปอีกหลายวัน  เงินอั่งเปานี้สมัยก่อน  เด็ก ๆ จะได้สตางค์แดง  หรือ สตางค์ดีบุก  ตั้งแต่ 1 สตางค์ ไปจนถึง 20  สตางค์  ที่เป็นเหรียญมีรูตรงกลาง  ร้อยด้าย - เชือกสีแดง ปัจจุบันเป็นแบ๊งค์สีต่าง ๆ ใส่อยู่ในซองสีแดงสดใส
                          ซาจับแม้  (       ) คืนวันสุกดิบ   คืนวันสุดท้ายของเดือน 12  ต่อวันตรุษจีน ชิวอิก ( )ซึ่งเป็น วันถือ หัวค่ำชาวจีนจะพากันอาบน้ำชำระร่างกาย  ไหว้พระไหว้เจ้า    เตรียมตัวรอรับ ไฉ่สิ่งเอี๊ย (       ) เทพเจ้าแห่งความร่ำรวย  หรือ  เทพเจ้าแห่งโชคลาภ เทพเจ้าแห่งเงินตรา  เพื่อความเป็นศิริมงคล   มีความร่ำรวยยิ่ง    ขึ้นไปในปีใหม่
 

           “ไฉ่สิ่งเอี๊ย  เทพเจ้าแห่งโชคลาภ  โชคดี  หรือ เทพเจ้าเงินตราจะเสด็จมาให้โชคลาภแก่มวลมนุษย์ในช่วงยามแรก  ๆ ของปี  ระหว่าง 5 ทุ่มถึง  ตี 4  แต่จะมีทิศทาง  และ เวลาที่เสด็จมาต่างกัน   อย่างปี  2553 จะเสด็จมาในวันเสาร์ที่  13  กุมภาพันธ์  ทางทิศตะวันออกเฉียงไต้ เริ่มไว้ตั้งแต่เวลา 23.00  สิ้นสุดไม่เกิน 24.59 น.ผู้ที่จะไหว้ต้องนำเครื่องเซ่นไหว้  ซึ่งเป็นผลไม้  ขนมต่าง ๆ   เช่น ไต่กิก (ส้ม)  อี้ (บัวลอย)   ขนมจันอับ   อาหารเจ  5  อย่าง  น้ำชา  ธูป  ทองเท่ง  เงินเท่ง  เทียนเถ่าจี๊  หันหน้าไปหาทิศที่ท่านจะเสด็จ ผ่านมา เพื่อขอพรจาก ไฉ่สิ่งเอี๊ย     ท่านเป็นเทพเจ้าที่มีเมตตาให้ทั้งโชคลาภ   และ  ปกป้องโพยภัยต่าง ๆ   
                          ชิวอิก    เป็น วันถือ หรือ  วันเที่ยว เป็นวันที่เขาถือกันว่าจะไม่ด่า  ไม่พูดคำหยาบคาย  ไม่นินทาว่าร้าย คิด ห้ามทวงหนี้ ให้ทำแต่สิ่งที่ดี  พุดดี  ใช้มธุรสวาจา  พูดสิ่งร้ายให้กลายเป็นดี    ไม่ตีแม้แต่ลูก หลานที่ทำความผิด เวลาลูกหลานทำสิ่งของแตก  ก็อาจจะพูดว่า  อ้อ...ดีดี  ชามมันอ้าออกเพื่อรับโชคลาภ  เป็นต้น     อาหารเช้าจะเป็นอาหารเจ1มื้อ หลังจากนั้น หมู เห็ด เป็ด ไก่บรรดามีที่ใช้ไหว้เจ้า  ไหว้บรรพบุรุษก็จะนำมาปรุงเป็นอาหารรับประทานต่อไปอีกหลายวันโดยไม่ต้องออก ไปซื้อหา  วันชิวอิก  ถึง  ชิวซา  ( ) หรือ ในระหว่างช่วงตรุษจีน   ก็จะมีการไปมาหาสู่ในระ หว่างญาติมิตร  ที่ไม่ได้พบกันมาตลอดทั้งปี  หรือ ไปขอพรพ่อแม่  เป็นต้น    เวลาไปเยี่ยมต้องนำ  ไต่กิก ( )  ผลส้มไป  2 หรือ  4  ลูก หรือ ขอให้เป็นจำนวน คู่ และจะมีการแลกเปลี่ยนส้มกัน โดยผู้ที่เป็นเจ้าของบ้านจะรับส้มไปครึ่งหนึ่ง  หรือ  ทั้งหมด และนำส้มในบ้านมาใส่กลับไปในจำนวนเท่า ๆ กัน    เป็นการรับ-ส่งความสุขซึ่งกันและกัน    เจ้าของบ้านจะเลี้ยงน้ำชาแกล้ม แต่เหลี่ยว หรือ ขนมจันอับ หรือ จับกิ้ม ( ) แก่ญาติมิตรที่มาเยี่ยมเยียนอวยพร  วันตรุษจีนเป็นช่วงที่เด็ก ๆ จะชอบมากเป็นพิเศษ   เนื่องจากได้ทั้งเงินแตะเอีย   มีเครื่องแต่งกายใหม่  ๆ สีสันสดใส    ยังได้ไปเที่ยวสนุกสนานตามแหล่งที่หมายตาไว้อีกด้วย    สีเสื้อผ้าที่สวมใส่จะเป็นสีที่เป็นมงคลเช่น สีแดง   และไม่ใส่สีที่เป็นอัปมงคล เช่น สีดำเป็นต้น   หากหลีกเลี่ยงได้จะไม่แตะต้องของมีคม  เช่นมีด  เข็ม  เกรงว่าจะบาดนิ้ว  บาดตัว เป็นการตัดโชคลาภของตนเอง และไม่ทำสิ่งของแตกหักเสียหายอันจะเป็นลางไม่ดี
                        หลังเยี่ยมญาติ ความสนุกสนานก็จะเป็นสิ่งที่เขาทำกันเต็มสติกำลัง   บ้างก็ไปทำบุญทำทานตามศาลเจ้า  โรงเจที่ตนนับถือ  พากันถ่ายรูปกันทั้งครอบครัวเป็นที่ระลึก   จนถึงชิวสี่ ( )หรือ  ชิวโหงว ( ) จึงจะกลับมาก้มหน้าก้มตาทำงานทำการกันต่ออีก 300 กว่าวันเพื่อเก็บเงินเก็บทองไว้ฉลองตรุณจีนในปีต่อไป
                   ชิวสี่ วันที่สี่ของเทศกาลตรุษจีน  ที่ส่วนใหญ่กำหนดให้เป็นวันเริ่มงาน   เป็นวันที่ รับ เจ่าซิ้ง    เทพเจ้าเตาไฟ  และ เทพเจ้าองค์อื่น ๆ กลับจากเข้าเฝ้าองค์เง็กเซียนฮ่องเต้  เรียกว่าวัน ซิ้งเลาะที (   )
                         ชิวฉิก ( )  วันที่  7  ของเทศกาลตรุษจีน     เป็นวันที่กำหนดให้มีการรับประทานอาหารประเภทผัก  7  อย่าง  ที่เรียกว่า  ชิกเอี่ยไฉ่  (    )  ซึ่งโดยมากจะเอาผักต่าง    มาผัด  หรือ  ต้มจับไฉ่  ผักนานาชนิดที่นำมาเป็นเครื่องปรุงในวันนี้จะสรรค์หาผักที่มีชื่อ และความหมายที่เป็นมงคล  อาจจะเปลี่ยนแปรไปบ้างแล้วแต่รสนิยม  และ ความเชื่อ  หรือ  ผลิตผลในแต่ละท้องถิ่น บ้างก็ถือเอาวันที่ 6  เรียก หลักเอี่ยไฉ่ แต่ในเมืองไทย ต้องฉิกเอี่ยไฉ่ 
              ผักมงคล  7  อย่าง  โดยมากจะประกอบด้วย                                                                                                 
              1.   คึ่งไฉ่        ไปพ้องเสียงกับ คึ้ง   ( )  แปลว่ามีความเพียร  วิริยะ   ขยัน
             
2.  ชุงไฉ่  
      พ้องกับคำว่า ชุง (  )  ฤดูใบไม้ผลิ   หมายถึงความสดชื่นมี ชีวิตชีวา   อีกคำหนึ่ง     ชุง  แปลว่า  ยืด  หรือ ยื่นที่ถูกดึงไปเข้ากับความหมายว่า มีโอกาศยืดหน้า ยืดตากับเขาได้บ้าง
             
3.  เก่าฮะ  เก๋าฮะ    
  ผักเขียว    ใบหนา ๆ   ความหมายคือ  ความซื่อสัตย์  ความน่าเชื่อถือ  เจ้าสาวที่แต่งงานไปในครอบครัวคนจีนที่ยังเคร่งอยู่ก็จะได้รับประทานผักตัว  นี้ เพื่อให้ซื่อสัตย์ต่อสามี   ส่วนคนไทยเชื้อสายจีน  ดึงมาเป็นพวกเสียเลย เก๋าจึงเป็นศัพย์แสลง  แปลว่า แน่  แปลว่า   ผู้ชำนาญการ  เช่น  เกียรติศักดิ์   เสนาเมือง  เป็นศูนย์หน้าที่ เก๋าเกมส์   เป็นต้น    แต่บางครั้งผัก  เก๋าฮะ  นี้   เขาก็ใช้   แป๊ะฮะ  百合    แทนก็มี ซึ่งก็แปลว่าเป็นผู้ที่เข้าได้กับทุกคน   เข้าได้  กับทุกสถานะการณ์พ้องเสียงกับคำว่าสมานฉันท์  เข้าได้หมดไร้ปัญหา  NO  PROBLEM
            
4.  สึ่ง   
    ต้นกระเทียม  พ้องเสียงกับคำว่า  สึ่ง   ( ) แปลว่า นับ คนจีนถือว่า คนนับเลขเป็นก็จะเป็นพ่อค้าพ่อขายจะร่ำรวย
             5.  ตั้วไฉ่ 
     ผักกาดเขียว มีความหมายว่าใหญ่โต  ยิ่งใหญ่
             6.  ไช่เท้า  
      เป็น  อาเท้า   เป็นหัวหน้า  คือได้เป็น เจ้าคนนายคน หรือไปพ้องกับ  ไช้ ( ) แปลว่า   โชคลาภ  มีลาภ            
            
7.  คะน้า          หมายถึงที่หนึ่งในตะกร้า  คำว่า กะ(   )เมื่อไปผสมกับ คำว่าประเทศ หรือ โลก ก็แปลว่ายอดเยี่ยม เป็นที่หนึ่งในโลก จึงไม่น่าสงสัยว่าทำไมต้องเป็นผักตัวนี้
  
 
            ชื่อผักชนิดต่าง ๆ  ข้างต้น  ต้องบอกไว้ในที่นี้ว่า  เป็นเรื่องของคนไทยเชื้อสายจีนที่มีอิทธิพลของความเชื่อของจีนแ ต้จิ๋ว เข้ามาเกี่ยวข้องค่อนข้างมาก   เพราะบางชื่อหากผิดไปจากเมืองไทยแล้ว   ชาวจีนอื่นเขาอาจมีผักตัวอื่น มาแทนกัน

การกำหนดให้รับประทานผัก  7  อย่าง    น่าจะเป็นกุศโลบายของนักปราชญ์แต่โบร่ำโบราณ   การที่จะบอกให้คนที่รับประทานหมูเห็ดเป็ดไก่  ร่ำสุรา มาตลอดเป็นเวลาหลายวัน  ไปถ่ายท้องเสียบ้าง  คงมีคนเชื่อยาก    เลยหากลวิธีให้กินผักซึ่งมีกากใย มากจะได้มีสุขภาพดี   เลยให้กำหนดเป็นอาหารผัก  แต่แนะนำอย่างเดียวคงยากเลยลากบาลีเข้าวัดเสียเลยจะได้ขลัง  ให้ออก ไปทางมงคลเสียบ้าง   คนเราชอบอะไร  ๆ ที่เป็นสิ่งดี  ๆ จึงถือเป็นประเพณีที่ต้องกินผัก7  อย่างที่เป็นศิริมงคล กันมาตั้งแต่โบราณ
             ช่วงปีใหม่จะมีวันสำคัญอีก 1 วันคือ  ชิวเก้า ( )   ถือเป็นวันเกิดเทพยดาฟ้าดิน เรียกว่าวัน ทีกงแซ ( )  ในคืนวันที่  8  เรียกว่า ชิวโป๊ยแม้  ( )  ช่วงเวลา
 
 
 
       ใกล้เที่ยงคืนต่อวันที่  9    มีพิธีบูชาดาวนพเคราะห์   หรือ  ดาวประจำวันเกิด     ในวันนี้บางแห่งจะมีการบูชาเทพยดาฟ้าดิน   เพื่ออธิษฐาน  หรือ บน   ขอพรสะเดาะเคราะห์ในช่วงปีใหม่   ดังเช่น ที่ป่อเต็กตึ๊งจัดให้มีการลงชื่อ พะเก่ง (拍敬)หรือ ฮกเก่ง( ) ในช่วงตรุษจีน จน ถึงวันง่วงเซียว  ( แล้วจะต้องไป แก้บน ในช่วงปลายปีประมาณเดือน  11  ที่ศาลเจ้าหลายแห่งจะจัดให้มีงิ้วแก้บน ที่เรียกกันว่า  เสี่ยซิ๊ง เรียกว่า ขอบคุณพระเจ้า อย่างที่กล่าวไว้ในตอนแรก )พุทธศาสนิกชนจะทำบุญ  และ เวียนเทียน เวียนธูป อธิษฐาน รอบอุโบสถ หรือ ศาลเจ้า  3  รอบ  ตั้งจิตอธิษฐาน  ระลึกพระคุณเทพยดาฟ้าดิน   ขออำนาจฟ้าดินเป็นที่พึ่ง ขอให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตนนับถือ  เช่น หลวงปู่ไต้ฮง  ช่วยดลบันดาลให้ประสบโชคดีตลอดปีใหม่     บางแห่งอาจมีการแจกของหวาน    เป็นการเสร็จพิธี    ใครที่ไปเที่ยวไกล    ก็จะพากันกลับมาในวันนี้    วันชิวเก้า  หรือ วันสุดท้ายของเทศกาลตรุษจีน  ก็จะมีการทำบุญที่เป็นกิจกรรมของตรุษจีนไปจนถึงมืดค่ำ
 
 
 
 
            อย่างไรก็ตาม   งานเทศกาลตรุษจีนหาได้หยุดลงในวันที่ 9 ไม่      กิจกรรมทำบุญยังคงมีต่อเนื่อง  แต่ไม่เอิกเกริก   ตรุษจีนจะไปสิ้นสุดลงอย่างแท้จริงในวันเทศกาล  ง่วงเซียว   (   )   หรือ   เทศกาลชาวนา    (พิธีต่าง    ที่จัดขึ้นนั้นสะท้อนให้เห็นว่าเป็นพิธีของคนสังคมการเกษตรอย่างแท้จริง     โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปฏิทินตามจันทรคติจีนนั้นมีชื่อเรียกว่า หล่งและ        แปลตรงตัวว่า  ปฏิทินการเกษตร )    เป็นวันที่ 15  ของเดือน 1   คือ เจียง้วยจับโหงว ( 十五 )   แล้ว   เพราะหลังจากนี้แล้ว      ก็จะเป็นเวลาที่ต้องกลับไปทำนาในท้องไร่ท้องนา ศาล เจ้าต่าง ๆ  จะมีการประมูลสิ่งของที่ ประธานจัดงานจัดหามา     เพื่อนำเงินไปบูรณะศาลเจ้า  หรือ นำไปทำทานต่อไป    บางแห่ง ไม่มีการประมูลสิ่งของเช่นที่ศาลเจ้าไต้ฮงกง     ก็จะมีขนมหวาน  น้ำตาลทราย หรือน้ำตาลผสมถั่วลิสงปั้นเป็นรูปสิงโต สำหรับบูชาไว้บริการให้กับญาติโยมที่มาทำบุญ  บ้างก็เอามาทำบุญเพิ่มขึ้นอีก 1 คู่จากที่ปีที่ผ่านมาได้รับขนมสิงโตไปบูชาที่บ้าน  1  คู่  เพื่อให้ศาลเจ้าไว้บริการให้ผู้ที่ประสงค์จะมาทำบุญ   เป็นการหารายได้เข้าวัด เข้าศาลเจ้าอีกวิธีหนึ่ง    ซึ่งแล้วแต่นโยบายของแต่ละแห่ง     หลังจากวัน ง่วนเซียว   ผู้คนที่ทำมาค้าขาย  เป็นลูกจ้างก็จะเริ่มดำเนินกิจการค้ากันอย่างเต็มที่    เพราะเสร็จสิ้นกระบวนการของ ตรุษจีน  แล้วโดยสมบูรณ์   บางแห่งจะมีงิ้วฉลองขึ้นปีใหม่   จึงจะถือว่าสมบูรณ์ก็มี   
 
ซิงเจียยู่อี่       ซิงนี้ฮวกไช้            -     
ปีใหม่ขอให้สมความปรารถนา     ปีใหม่ขอให้มีโชคลาภ

2 ความคิดเห็น: